เพราะความไม่รู้ในขันธ์ ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นเพียงจิต เจตสิก และรูป แต่ละขณะของชีวิตก็คือ แต่ละขณะของวิถีจิตที่เกิดขึ้นเห็น ได้ยิน..และคิดนึก เพราะความไม่รู้จึงยึดขันธ์ทั้งหลายว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ยังมีความสงสัยในสภาพธรรมว่าเป็นเราหรือไม่ ดังปรากฏในพระสูตรว่าลูกแม่ใหญ่ไม่ได้โกนหัว ส่วนลูกแม่เล็กโกนหัว เมื่อลูกแม่ใหญ่นอนหลับญาติได้ช่วยกันโกนหัว พอลูกแม่ใหญ่ตื่นขึ้นมาเห็นตนเองโกนหัว จึงเกิดความสงสัยว่าตนเองนั้นเป็นลูกแม่เล็ก
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเราขณะนี้ บางขณะก็ยังมีความเป็นเราอยู่ บางขณะก็สงสัยว่าใช่เราหรือเปล่า เราเองก็ยังเหมือนลูกแม่ใหญ่อยู่ ยังคงมีความสงสัยในสภาพธรรมว่ายังเป็นเรา จึงควรที่จะฟังพระธรรมให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง อบรมเจริญปัญญาค่อยๆ ละความเห็นผิดในสภาพธรรมว่าเป็นเรา ปัญญาก็มีหลายระดับขั้น ขั้นฟังเข้าใจ ขั้นสติระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง ขณะนั้นไม่มีความเห็นผิด จนกว่าโสดาปัตติมรรคจิตเกิดขึ้น ประหานความเห็นผิดในสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นเรา ดับวิจิกิจฉาไม่มีความสงสัยในสภาพธรรมอีกต่อไป
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
เรามีอยู่หรือหนอแล [สัพพาสวสังวรสูตร]
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ปุถุชนย่อมเป็นผู้มีความสงสัยในขันธ์ทั้งหลายของตน. สงสัยอย่างไร? สงสัยความที่ตนมีอยู่ว่าเรามีอยู่หรือหนอแล. บทว่า โน นุ โขสฺมิ ได้แก่ ปุถุชนย่อมสงสัยความที่ตนไม่มี
ขออนุโมทนาคะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
หลงลืมสติขณะใด (ก็เกือบตลอดแหละค่ะ) ก็ "เรา" ทุกทีจึงต้องเข้ามาฟังและอ่านเรื่องของธรรมะและข้อเตือนใจดีดีที่นี่ทุกวัน เพื่อตอกย้ำความจำ และเตือนตนให้ศึกษาธรรมะที่กำลังปรากฏ
ขอบพระคุณพี่เมตตาและทุกๆ ท่านที่เป็นผู้สื่อธรรม
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ