พระสูตรนี้กล่าวถึง พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต และคาถาที่พระปัจเจก ฯ ได้กล่าวไว้ โดยท่านพระอานนท์ได้ทูลถามการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระปัจเจก
โปรดอ่านข้อความโดยตรงจากพระสูตร
[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 105
ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระอานนท์ผู้มีอายุไปในที่ลับหลีกเร้นอยู่ ได้เกิดปริวิตกในใจอย่างนี้ว่า ความปรารถนาและอภินิหารย่อมปรากฏแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย หาปรากฏแก่พระสาวกทั้งหลาย แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายอย่างนั้นไม่ ไฉนหนอ เราพึงเข้าไปเฝ้าทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านพระอานนท์ออกจากที่หลีกเร้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลถามเรื่องนี้ตามลำดับ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส ปุพพโยคาวจรสูตร แก่ท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ อานิสงส์ ๕ เหล่านี้ คือ บุคคลย่อมบรรลุอรหัตตผลในทิฏฐธรรมในเพราะปุพพโยคาวจรก่อนทีเดียว ถ้าไม่บรรลุอรหัตตผลในทิฏฐธรรมก่อนทีเดียว ต่อมาก็บรรลุอรหัตตผลในเวลาตาย ฯลฯ ต่อมาเป็นเทวบุตรก็บรรลุอรหัตตผล ต่อมาก็เป็นขิปปาภิญญบุคคล ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่อมาก็ย่อมเป็นพระปัจเจกสัมพุทธะในกาลภายหลัง
ครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว จึงตรัสอีกว่า ดูก่อนอานนท์ ธรรมดาพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอภินิหาร มีปุพพโยคาวจรธรรม เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธะ และสาวกทั้งหลาย พึงประสงค์ความปรารถนาและอภินิหาร. ฯลฯ
[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 94
ขัคควิสาณสูตรที่ ๓
ว่าด้วยคาถาของพระปัจเจกพุทธเจ้า
[๒๙๖] บุคคลวางอาชญาในสัตว์ทั้ง ปวงแล้ว ไม่เบียดเบียนบรรดาสัตว์เหล่านั้น แม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก ไม่พึงปรารถนาบุตร จะพึงปรารถนาสหายแต่ที่ไหน พึงเที่ยวไป ผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น. ความเยื่อใยย่อมมีแก่บุคคลผู้เกี่ยว ข้องกัน ทุกข์นี้ย่อมเกิดขึ้นตามความเยื่อใย บุคคลเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเยื่อใย พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. บุคคลอนุเคราะห์มิตรสหาย เป็นผู้มี จิตปฏิพัทธ์แล้ว ชื่อว่าย่อมยังประโยชน์ให้ เสื่อม บุคคลเห็นภัย คือ การยังประโยชน์ ให้เสื่อมในการเชยชิดนี้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น. ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น