เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"กายปาคุญญตาและจิตปาคุญญตา" ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้อรรถาธิบายในสองคำนี้ด้วยครั
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-กายปาคุญญตา เป็นเจตสิกที่คล่องแคล่ว และทำให้เจตสิกทั้งหลายที่เกิดร่วมด้วยคล่องแคล่วในธรรมที่ดีงาม
-จิตตปาคุญญตา เป็นเจตสิกที่ทำให้จิตที่เกิดร่วมด้วยคล่องแคล่วในธรรมที่ดีงาม
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม และมีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ห่างไกลจากชีวิตประจำวันเลย อยู่กับธรรมตลอด มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตลอด แต่ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ จนกว่าจะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกสำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริงว่า เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ โดยไม่ปะปนกัน
กายปาคุญญตา กับ จิตตปาคุญญตา เป็นเจตสิกธรรมที่ดีงาม เกิดกับจิตที่ดีงามทุกประเภท ความเป็นจริงของสภาพธรรมจะไม่ปะปนกัน เป็นจริงแต่ละหนึ่งตามความเป็นจริง มีกิจหน้าที่ต่างกัน เพราะกายปาคุญญตา เป็นเจตสิกที่ทำให้เจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย คล่องแคล่วเป็นไปในความดี ส่วน จิตตปาคุญญตา เป็นเจตสิกธรรมที่ทำให้จิตที่เกิดร่วมด้วย คล่องแคล่วเป็นไปในความดี ซึ่งจะแตกต่างไปจากขณะที่เป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง
แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเลย การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ย่อมจะเป็นไปเพื่่อขัดเกลาความไม่รู้ ความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนเป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้ในที่สุด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ