อ่านแล้วเป็นประโยชน์ จึงนำมาฝาก ..
พระพุทธองค์ทรงแสดงสภาพธรรมทั้งหมดเป็นเพียง จิต เจตสิก รูป ไม่มีเราจริง แต่ความเป็นจริงเรายึดถือทั้งหมดว่าเป็นเรา การสืบต่อของจิต เจตสิก ในชาติหน้าเนื่องกับการกระทำทั้งหมดในชาตินี้ ในชาตินี้จิต เจตสิก รูป ที่สมมติว่าเป็นเราได้ทำกรรมใด ชาติหน้าจิต เจตสิก รูป ที่สมมติว่าเป็นเราย่อมรับผลของกรรมที่ทำไว้ การอบรมเจริญปัญญาเพื่อให้จิต เจตสิก รูป นี่แหละพ้นจากทุกข์ ถ้าไม่อบรมปัญญา จิต เจตสิก รูป นี่แหละย่อมประสบทุกข์ อีกอย่าง หนึ่งผู้ที่รู้ตามความเป็นจริงว่าทั้งหมดเป็นเพียงจิต เจตสิก รูป เท่านั้น ผู้นั้นคือผู้ที่อบรมเจริญปัญญาเพื่อการพ้นทุกข์ ผู้นั้นย่อมไม่กระทำความชั่ว ทางกาย วาจา ใจ กระทำแต่ความดี
ค่ะ คงต้องอาศัยการอบรมอันยาวนาน เชื่อว่าทุกคนอยากเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครเป็นคนดีได้ด้วยความอยาก ถ้าไม่คบสัตบุรุษ ไม่ฟังธรรม ไม่พินิจพิจารณาและไม่น้อมประพฤติปฏิบัติ เห็นทีจะเป็นคนดียากค่ะ เพราะเหตุปัจจัยน้อยเหลือเกิน
ที่สำคัญ ก็คือ ดีเท่าไร ก็ไม่พอ ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์
การไม่คบคนชั่วเป็นมิตร เป็นมงคลอันอุดมยิ่ง ความชั่วเมื่อทำแล้ว ย่อมเดือนร้อนภายหลัง นักปราชญ์ว่า มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาประเสริฐที่สุด
ควรเข้าใจว่ายังห่างไกลความดีมากครับ
เห็นทางแต่ไม่มีแรง ฉันใด เข้าใจหนทางดับกิเลส แต่ขาดการเจริญกุศลทุกประการและอบรมบารมี ๑๐ ก็ไม่มีทางถึงฝั่งคือการดับกิเลสได้เลย
จะเป็นคนดีหรือพระโสดาบัน (ตอนนี้)
ยินดีในกุศลจิตค่ะ