เมื่ออกุศลจิตขณะใดมีกำลังแรงกล้า ก็จะเป็นเหตุให้เจตนากระทำอกุศลกรรมบถ ๑๐ คือ
กายกรรม ๓ ได้แก่
ปาณาติปาต (ฆ่าสัตว์ที่มีชีวิต) ๑
อทินนาทาน (ถือทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน) ๑
กาเมสุมิจฉาจาร (ประพฤติผิดในกาม) ๑
วจีกรรม ๔ ได้แก่
มุสาวาท (พูดเท็จ) ๑
ผรุสวาท (พูดคำหยาบ) ๑
ปิสุณวาจา (พูดคำส่อเสียด) ๑
สัมผัปปลาปวาจา (พูดเพ้อเจ้อ) ๑
มโนกรรม ๓ ได้แก่
อภิชฌา (คิดเพ่งเล็งเอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน) ๑
พยาปาท (คิดเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น) ๑
มิจฉาทิฏฐิ (คิดเห็นผิดว่าผลของกรรมไม่มี เป็นนัตถิกทิฏฐิ คือ เห็นว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากกรรม ๑
เห็นผิดว่ากรรมไม่มีผล เป็นอเหตุกทิฏฐิ คือ เห็นว่ากรรมไม่เป็นเหตุให้เกิดผล ๑
เห็นผิดว่ากรรมเป็นเพียงกิริยาอาการของกายเท่านั้น เป็นอกิริยาทิฏฐิ ๑) ๑
เมื่ออกุศลจิตที่เป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมบถดับไปแล้ว เจตนาเจตสิกที่เกิดกับอกุศลจิตที่ดับไปนั้น ก็เป็นกัมมปัจจัยให้อกุศลวิบากจิต ๗ ดวงเกิดขึ้นเป็นผลของกรรมนั้นๆ เมื่อถึงกาลอันสมควร
ดาวน์โหลดหนังสือ -->
ปรมัตถธรรมสังเขป
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ