วันนี้จิตใจ ปลอดโปร่ง จังเลย ... เป็นคำไทยๆ ที่ใช้กัน ดูเหมือนจะเป็นกุศล แต่เป็นอกุศล ความหมายคนละอย่างกับทางพุทธศาสนา เพราะ สภาพธรรม เป็นกุศลปลอดโปร่งจากอกุศล เวลาตื่นขึ้นมาในแต่ละวัน มีความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หรือเปล่า ในชีวิตประจำวันตื่นขึ้นมา เกือบทุกขณะ ก็เป็นไปกับ ความติดข้อง คือ โลภะพอใจติดข้อง เป็นไปกับการยึดถือว่าเป็นเรา เป็นไปกับความไม่รู้ ในรูป เสียง ... และ โผฏฐัพพะ
เพื่อที่จะปลอดโปร่งจากการยึดถือ จิต ว่าเป็นเรา ฟังจิตขณะนี้เพื่ออะไร เพื่อละ ขณะเห็น ขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่ตัวตน จิตเห็นมีเจตสิกประกอบด้วย ๗ ประเภท เพราะฉะนั้นฟังเพื่อให้รู้ว่า จิตเห็น และเจตสิกที่ประกอบด้วยทำกิจหน้าที่ของตน ของตน ไม่ใช่เราเลย เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่มีเป็นปกติในชีวิตประจำวันจริงๆ ซึ่งก็ไม่พ้นไปจาก จิตเห็น จิตได้ยิน ... และจิตคิดนึก ถ้าไม่มีจิตก็ไม่มีอะไรปรากฏ
ฟังให้เข้าใจตัวจริงของสภาพธรรม ไม่ใช่เรื่องราวของสภาพธรรม
ฟังให้เข้าใจตัวจริงของสภาพธรรม ไม่ใช่เพื่อรู้สภาพธรรม
ฟังเข้าใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้น ปลอดโปร่ง จากอวิชชา คือความไม่รู้
เข้าใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้น ปลอดโปร่ง จากอกุศลทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อเข้าใจ และไม่ใช่ฟังเพื่อจะไปนิพพาน
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ เมื่อเริ่มฟังพระธรรมทำให้รู้ว่าความไม่รู้คืออวิชชานี้สุดประมาณนะคะ
สาธุ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา คุณเมตตาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ปลอดโปร่งมีหลายระดับ เช่น ปลอดโปร่งจากอกุศลในขณะที่กุศลเกิดหรือปลอดโปร่งสูงสุดคือปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง
เชิญคลิกอ่าน..
ความปลอดโปร่ง
ขออนุโมทนาค่ะ
ขณะที่มืดสนิท คือขณะทีไม่รู้ความจริงของธรรมะที่กำลังปรากฏขณะนี้ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นปลอดโปร่งจากความมืดคืออวิชชา ค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ