เกิดเพราะอะไร
โดย nattawan  23 มิ.ย. 2567
หัวข้อหมายเลข 47948

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตเกิดมาและดำเนินไปเพราะอะไร? ทำไมจึงยังมีการทำกุศลกรรมบ้าง อกุศลกรรมบ้าง ถ้ายังไม่รู้ ก็ต้องมีความเกิดขึ้นเป็นไปอย่างนี้ไม่มีจบสิ้น

จากการสนทนาธรรมที่จากการสนทนาธรรมที่ รพ. พระมงกุฏเกล้า 5 ธ.ค. 54

สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดต้องมีปัจจัย เพราะฉะนั้น เวลาที่ฟังธรรมะนี่ค่ะ แม้แต่ข้อความในพระสูตรก็แสดงว่า จากเสียงที่ได้ยินก็จะศึกษาให้เข้าใจในภาษาของตนๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังส่วนใหญ่ก็มาจากคำภาษาบาลี

แต่ว่าคำภาษาบาลีทั้งหมด สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาบาลีก็สามารถที่จะเข้าใจได้ในภาษาของตนๆ เช่น คนไทยนะคะ ได้ยินคำว่าอวิชชา ไม่ใช่ภาษาที่เราใช้ตั้งแต่เกิด แต่ว่าได้ยินคำที่จะต้องเข้าใจความหมายด้วย วิชชา คือความรู้ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือความเห็นถูก อ คือ ไม่ อวิชชา ง่ายๆ ก็คือว่า ไม่รู้

เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้นะคะกำลังไม่รู้ ถ้าจะว่ามาจากไหนนะคะ ก็เดี๋ยวนี้เกิดความไม่รู้ ซึ่งอาศัยการที่เคยสะสมความไม่รู้และความติดข้องมานานมาก โดยที่ไม่รู้เลย

เพราะฉะนั้น ชีวิตนี่นะคะ เราสามารถเข้าใจธรรมะที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่นตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งขณะนี้ค่ะ มีวิชชาหรืออวิชชา? วิชชา คือ สามารถเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ อวิชชา คือ ไม่รู้ค่ะว่าสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นอะไร ทั้งๆ ที่ไม่รู้นะคะ ก็มีสังขาระ ซึ่งหมายความถึงเจตนาที่เป็นกุศลและอกุศลในวันหนึ่งๆ เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันเป็นอกุศลก็มี เป็นกุศลก็มี ที่เราใช้คำว่ากรรมดีกรรมชั่ว อาศัยเจตนาที่เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง ก็มีการกระทำต่างๆ แต่ก็ยังคงไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

เพราะฉะนั้น เราคงจะไม่ย้อนไปถึงชาติก่อนๆ ก็ได้นะคะ เพราะแม้แต่เพียงชาตินี้ ก็เริ่มจากความไม่รู้ตั้งแต่เกิด แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ... ต้องเป็นไป ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องได้กลิ่นต้องลิ้มรส ต้องรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสแล้วก็คิด แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ต่างๆ ... แล้วก็ยังไม่รู้

เพราะฉะนั้น การฟังธรรมนี่ค่ะฟังตามลำดับ เช่น ขณะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มีจริงๆ โดยไม่มีใครต้องไปทำอะไรเลย ไม่มีใครต้องไปทำเห็น แต่เห็นก็เกิดแล้ว ไม่มีใครต้องทำให้ได้ยินเลย แต่ได้ยินก็เกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย

เพราะฉะนั้น อวิชชาไม่รู้อย่างนี้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดได้เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น เริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วตามความเป็นจริงว่า ต้องมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นๆ ไม่เป็นอย่างอื่น

แต่แม้กระนั้นนะคะ ก็ยังไม่หมดความไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเราจะคิดถึงความจริงในวันหนึ่งๆ ว่าเรามีกุศลและอกุศลซึ่งเป็นสังขาระมาจากอวิชชา มาจากความไม่รู้ ก็เป็นความจริงนะคะ

เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดแล้วสามารถที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรม มีโอกาสที่จะเข้าใจพระธรรมตามลำดับ เช่น ความไม่รู้เป็นความไม่รู้ และก็กุศลอกุศลทั้งหลาย ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นเป็นไป ก็ยังไม่หมดความไม่รู้ ก็จะค่อยๆ เข้าใจนะคะว่า ชีวิตเกิดมาเพราะไม่รู้ และถ้ายังคงไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ก็ยังคงไม่รู้ต่อไปอีก

เพราะฉะนั้น เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะให้จากโลกนี้ไป แล้วก็มีปัจจัยที่จะทำให้เกิด ก็ต้องมีความไม่รู้อยู่นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ การฟังธรรมแต่ละครั้ง ก็เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีนี่ค่ะ เล็กๆ น้อยๆ ทีละนิดทีละหน่อย จนกว่าสามารถที่จะเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพธรรม ซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย เช่น เมื่อกี้นี้ค่ะ เกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีก เป็นอย่างนี้ตลอดทุกขณะ นี่คือเริ่มเข้าใจความจริงว่าอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งที่ต้องเกิดตามความเป็นจริงจนกว่าความรู้จะค่อยค่อยล่ะความไม่รู้ไปทีละเล็กทีละน้อย

เชิญชม ...

เกิดเพราะอะไร

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.อรรณพ หอมจันทร์



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 23 มิ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ