พึงทราบในคาถาที่สอง.
บทว่า สพฺพปาปสฺส ได้แก่ อกุศลทุกชนิด.
บทว่า อกรณ คือ ไม่ให้เกิดขึ้น.
บทว่า กุสลสฺส ได้แก่ กุศลอันมีในภูมิ ๔.
บทว่า อุปสมฺปทา คือ ได้เฉพาะ.
บทว่า สจิตฺตปริโยทปน คือ ยังจิตของตนให้สว่าง ก็บทนั้นย่อมมีได้โดยความเป็นพระอรหันต์ ด้วยประการดังนี้
บรรพชิตควรละบาปทั้งปวงด้วยศีลสังวร ยังกุศลให้ถึงพร้อมด้วยสมถะและวิปัสสนาทั้งหลาย ยังจิตให้ผ่องแผ้วด้วยอรหัตตผล นี้เป็นคำสอน คือ เป็นโอวาท คือ เป็นคำตักเตือนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
นี้เป็นคาถาที่สอง ของโอวาทปาฏิโมกข์ คือ ละอกุศลทั้งปวง ได้แก่อกุศลทุกชนิด บรรพชิตควรละบาปทั้งปวงด้วยศีลสังวร ยังกุศล ได้แก่ กุศลอันมีในภูมิ ๔ ให้ถึงพร้อมด้วยสมถะและวิปัสสนาทั้งหลาย ยังจิตให้ผ่องแผ้ว คือหมดกิเลส ด้วยอรหัตตผล นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ครับ
ละได้จริง พระอรหันต์ทั้งหลายท่านละได้แล้ว ส่วนปุถุชนก็จิรกาลภาวนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ไม่ใช่ตัวตนที่ละชั่ว ทำความดีหรือทำจิตให้บริสุทธ์ แต่เกิดจากการเข้าใจพระธรรม และธรรมนั้นเอง ทำหน้าที่ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้บริสุทธ์ ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็น อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้
ผู้ใดประพฤติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ใด้ในวันหนึ่งค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ