ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่... ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ อย่าง [ปราภวสูตรที่ ๖]
ท่านอาจาย์สุจินต์ ได้กรุณาอธิบายไว้ในซีดี ชุดปกิณกธรรม ว่า การเสื่อมคือการเสื่อมจากพระธรรม เมื่อผมพิจารณาตนแล้วก็เห็นว่าเป็นจริงตามนั้น ขอเชิญทุกท่านแสดงความคิดเห็นครับ
เมื่อปัญญาเกิด ย่อมรู้ครับว่า สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควรเสพ สิ่งใดไม่ควรเสพ สิ่งใดทำให้เสื่อม สิ่งใดทำให้เจริญ อาศัยการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง ปัญญาย่อมเจริญขึ้น และรู้ตามความเป็นจริงครับ ขออนุโมทนา
คนเราคบกันโดยธาตุ สัตบุรุษ ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษค่ะ
บุคคลคบคนเช่นไร ก็เป็นดั่งคนเช่นนั้นค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
ความไม่ประมาทเป็นหนทางของความไม่เสื่อม สูงสุดคือนิพพาน ...อนุโมทนาครับ
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
ผู้มีปัญญา...ย่อมละความเห็นผิด และหมั่นอบรมเจริญปัญญาของตน เพื่อไม่หลงเข้าใกล้ในหนทางแห่งความเสื่อม
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาทุกความเห็นครับ ในชีวิตประจำวันนั้น เรามีคนที่รักหลายคน เช่น บิดามารดา ครูอาจารย์ คู่สมรส เพื่อนฝูง และผู้ใหญ่ในสายงานของอาชีพ คนเหล่านั้นมักมีความรักมีความปรารถนาดีให้เรา ให้คำแนะนำ และความอนุเคราะห์โดยประการต่างๆ ตามแต่ที่ตัวเองเห็นว่าเป็นประโยชน์ แต่เราไม่ควรลืมว่า ประโยชน์สูงสุด คือ ความเข้าใจพระธรรม อันเป็นประโยชน์ตามความเห็นของสัตบุรุษทั้งหลาย ดังนั้น แม้ว่าเราจะยังมี อสัตบุรุษผู้เป็นที่รัก และบางคราวก็ยังชอบใจธรรมของเขาเหล่านั้น เช่นคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพ แต่เราไม่ควรละเลย การกระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก และให้ดำรงอยู่ในฐานะที่รักอันสูงสุด เพื่อประโยชน์อันยิ่งคือความเข้าใจถูกในสภาพธรรมทั้งหลาย
เข้าใจว่า........
การศึกษาพระธรรมวินัย จากกัลยาณมิตร มีประโยชน์มาก
(แม้จะเป็นปัญญาเพียงขั้นศึกษา ซึ่งยังละกิเลสอะไรไม่ได้)
เพราะเป็นปัจจัย ให้เกิดปัญญา
เป็นขั้นที่รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว
อะไรคือกรรม อะไรคือผลของกรรม
และเพราะอะไร จึงเป็นอนัตตา.
............การได้พบประสบกับสิ่งใดๆ ในชีวิต
เป็นการพิสูจน์ความเข้าใจ และน่าพิจารณา
เป็นอย่างยิ่งที่ว่า............
ทุกวันนี้.............มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาบ้างหรือยัง
เพราะตัวข้าพเจ้าเอง ก็ยังต้องถามตัวเองอยู่บ่อยๆ .
....................................................อนุโมทนาค่ะ.
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ