ความคิดของเราในเรื่องสภาพธรรมนั้น มีพื้นฐานจากความคิดต่างๆ ที่ได้รับจากการศึกษาและวัฒนธรรมที่ได้รับการปลูกฝังมา ถ้าเราต้องการที่จะเข้าใจคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ต้องไม่ยึดมั่นในความคิดของเราในเรื่องสภาพธรรมและควรเปิดใจกว้างรับฟังพระธรรม เราก็จะสังเกตได้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงนั้นแตกต่างจากความคิดของเรา ในเรื่องของสภาพธรรมอย่างสิ้นเชิง
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเรื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในขณะนี้ ซึ่งสามารถรู้แจ้งชัดได้ พระองค์มิได้ทรงสอนเรื่องที่ไม่ใช่สภาพธรรม ขณะนี้อะไรกำลังปรากฏโลภะ โทสะ โมหะ หรือว่าความเมตตา ความกรุณา ในชิวิตของเรามีขณะที่เป็นกุศลและขณะที่เป็นอกุศล ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก เราไม่ได้มีจิตดวงเดียว แต่เรามีจิตที่ต่างกันมากมาย จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ไม่ใช่การคาดคะเนว่ามีและเราสามารถรู้ได้ในขณะนี้เอง ในขณะที่จิตปรากฏและเราก็จะสังเกตรู้ได้ว่า จิตมีหลายประเภท เช่น ขณะที่เราทำความดี ขณะนั้นเป็นกุศลจิต แต่อกุศลจิตก็อาจเกิดขึ้นมาได้อาจมีความตระหนี่เพียงเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งรู้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น โดยที่ไม่มีใครจะสังเกตได้ เราอาจจะมีความผูกพันธ์กับบุคคลซึ่งเราให้ของขวัญ หรือมีความสำคัญตน ถ้าเราไม่รู้ว่าขณะใดเป็นกุศลจิต และขณะใดเป็นอกุศลจิตแล้ว เราจะอบรมเจริญกุศลได้อย่างไร
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป และอ่านเพิ่มเติม ...
ความเข้าใจสภาพธรรม - ต้องเป็นการอบรมเจริญปัญญา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ