หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๕๒๙]
บวชแล้วไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย เป็นโทษอย่างยิ่ง
เคยได้ยินไหม “อลัชชี” ผู้ไม่มีความละอายต่อความประพฤติของตน ซึ่งเขามาแสดงความนอบน้อมนำสิ่งมาบูชา แต่ตนเองไม่ได้มีคุณความดีอย่างนั้นเลยแต่รับ นั่นคือผู้ไม่ละอาย เป็นอลัชชี สารพัดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโทษของผู้ที่ไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย เพราะเหตุว่าเพศบรรพชิตจริงๆ แล้วเป็นเพศของพระอรหันต์ ผู้ที่สามารถดับกิเลสในเพศคฤหัสถ์ได้สามารถที่จะถึงความเป็นพระโสดาบัน ขัดเกลากิเลสต่อไปถึงระดับขั้นพระสกทาคามีบุคคล ดับต่อไปอีกเพราะกิเลสมีมากมายต้องดับไปตามลำดับขั้นเป็นพระอนาคามีบุคคล ต่อเมื่อไหร่เป็นพระอรหันต์ เมื่อนั้นอยู่ในเพศคฤหัสถ์ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ภิกษุคือเพศของพระอรหันต์ ผู้ที่บวชครองผ้ากาสาวพัสตร์ ทำทุกอย่างทั้งการสละอาคารบ้านเรือนเพื่อแสดงตนประกาศเปิดเผยว่าเป็นผู้ที่จะขัดเกลากิเลสถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นจึงมีทั้งการศึกษาธรรมด้วยความเคารพมีความเข้าใจแล้วก็มีความประพฤติขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าคฤหัสถ์ โดยต้องประพฤติตามสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ด้วยพระองค์เองว่า ภิกษุคือผู้ที่ขัดเกลากิเลสจะต้องมีกายวาจาอย่างไร ถ้าไม่ประพฤติตามนั้นต้องโทษเป็นอาบัติที่จะต้องแสดงโทษของตนเองประกาศให้รู้ จึงสามารถที่จะคืนสู่เพศบรรพชิตเข้าหมู่คณะเป็นภิกษุสงฆ์เป็นคณะของภิกษุในพระธรรมวินัยได้ นั่นคือผู้ละอาย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีคุณความดีอะไรเลยแล้วเขาเอาสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาให้แล้วรับไว้ สมควรไหมเป็นโทษระดับไหน?
ข้อความในพระไตรปิฎกก็แสดงอยู่แล้วว่า เมื่อบวชแล้วต้องระลึกว่า “เราไม่ใช่คฤหัสถ์อีกต่อไป” เพราะฉะนั้นจะไม่รู้หน้าที่ของพระภิกษุไม่ได้เลย เป็นภิกษุแล้วไม่รู้ว่าภิกษุคือใคร แล้วจะเป็นภิกษุได้หรือ? ด้วยเหตุนี้ภิกษุในพระธรรมวินัย ต้องประพฤติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติ มิฉะนั้นแล้วก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นบวชโดยไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วก็ไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัยด้วยก็เป็นโทษอย่างยิ่ง
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ