ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอน จากเทปวิทยุแผ่นที่ ๒๗ ครั้งที่ ๑๕๗๔
"ความละเอียดของหิริ โอตตัปปะ อธิบายเรื่องบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ" บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๙
สำหรับเรื่อง "ศีล"
พิจารณา กาย วาจา ของตนเอง ได้ว่า ในวันหนึ่งๆ ในขณะที่มี "ความอ่อนน้อม" ต่อ "ผู้ที่ควรอ่อนน้อม" ในขณะนั้นมี หิริ โอตตัปปะ มาก น้อย แค่ไหน
"สติ"สามารถที่จะพิจารณาถึง "จิตที่อ่อนโยน"ในขณะนั้นได้
สงเคราะห์ ด้วย "วาจา" ได้ไหมคะ พูด "เรื่องที่เป็นประโยชน์"ที่ทำให้คนอื่นสบายใจ และ ไม่รู้สึกท้อถอย.ขณะนั้น ก็เป็นการสงเคราะห์ ทางวาจา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการ "แสดงออก" ทางกาย หรือ ทางวาจาก็สามารถที่จะพิจารณาได้ ว่า มี หิริ โอตตัปปะ เพิ่มขึ้น บ้างไหม
จากตัวอย่างในอดีต ในพระไตรปิฎก
แม้ พระผู้มีพระภาค จะตรัสกะ "วัสสการพราหมณ์"ผู้ซึ่ง มีความเห็น ว่า เมื่อตนเอง มีความเห็น อย่างไร ได้ยิน อย่างไร ลิ้มรส อย่างไร กระทบสัมผัส อย่างไร คิดนึก อย่างไร ก็พูดอย่างนั้น (และมีความเห็นว่า) "โทษจากการการพูด" อย่างนั้น ไม่มี นี่เป็น "ความเห็น" ของ "วัสสการพราหมณ์"
นี่ก็จะพิจารณาได้นะคะ.!พิจารณาถึง หิริ โอตตัปปะ เป็นขั้นๆ ซึ่ง ถ้าเป็น "การพูดจริง"ตรง ตามสิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน บางท่าน ก็คิดว่า "ไม่มีโทษ" แต่ พระผู้มีพระภาค ทรงเตือนว่า "ไม่ควรพูดถึงทุกอย่าง ที่ได้เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้กลิ่น ที่ได้ลิ้มรส ที่ได้กระทบสัมผัส ที่ได้คิดนึก ที่เป็นเหตุให้ อกุศลธรรมเจริญ ที่เป็นเหตุให้ กุศลธรรมเสื่อม" นี่ก็เป็น หิริ โอตตัปปะ อีกขั้นหนึ่ง ที่จะรู้ว่า แม้จะเป็นความจริง แต่ สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่ควรพูด
แม้ "วัสสการพราหมณ์" จะชื่นชม (พระภาษิต) แล้วแต่ เมื่อเห็น "ท่านพระมหากัจจายนะ" ลงจากภูเขา ก็ยังกล่าวว่า "ท่านผู้นั้น มีอาการเหมือนลิง" นี่เป็น "คำพูดที่มีประโยชน์" ไหมคะ เห็นอย่างนี้ คิดอย่างนี้เป็นสิ่งที่ควรพูด หรือ ไม่ควรพูด
นี่เป็นการแสดงถึง"ความละเอียด" ของ หิริ โอตตัปปะ ว่า ไม่ใช่ว่า ทุกอย่าง ที่ได้เห็น ที่ได้ยิน จะควรพูด เสมอไป บางคนหัวเราะกิริยาอาการ หรือ การแต่งตัว ของคนอื่นดูแล้ว เหมือนขำ แต่ ลึกลงไปในใจแล้วนึกดูหมิ่น ดูถูก บ้างไหม นี่เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณา แม้แต่ กิริยา อาการ หรือ คำพูด "ของตนเอง" ซึ่ง ถ้าไม่พิจารณา ในขณะนั้นก็ดูเหมือนว่า น่าหัวเราะจริงๆ ในความรู้สึก แล้วก็ อาจจะพูด วิจารณ์ หรือ กล่าวถ้อยคำ อะไรๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้ดูหมิ่น แต่ควรพิจารณา ว่า ลึกลงไปในจิตใจ ขณะนั้นนะคะอหิริกะ อโนตตัปปะ คือ ความไม่รังเกียจ ความไม่ละอาย ในอกุศลจิต (ของตน) มีบ้างหรือเปล่า และ ถ้าไม่มีการนึกดูหมิ่นบ้าง ในใจจะมองเห็น กิริยา อาการ การแต่งกาย หรือ คำพูด (ที่คิดว่าน่าขำ) ของคนอื่น ในขณะนั้นไหม ซึ่ง ถ้ามอง เป็น "ธรรมมะ" ทุกคน มีกาย วาจา ตามการสะสม จริงๆ ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะพูด จะคิดก็ต้องเป็นไป ตามการสะสม.
ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา ที่เคยเป็นอย่างไร ก็สามารถที่จะพิจารณาได้ว่า ขณะนั้นนะคะ "จิต" เป็น กุศล หรือ เป็นอกุศล แต่ การมองเห็นคนอื่น ใน "ลักษณะนั้น" ต้องเป็น อกุศล เพราะฉะนั้นในวันหนึ่งๆ พิจารณาตนเอง ทางกาย วาจา และ ตลอดไปถึงทางใจแม้เพียง "ความคิด" อหิริกะ (ความไม่รังเกียจต่อบาป) มีมาก หรือ อโนตตัปปะ (ความไม่ละอายต่อบาป) มีมาก
ขออนุโมทนา
เรียน ท่านสหายธรรม
ท่านอาจารย์มีการอ้างอิงจาก ชื่อหัวข้อของพระไตรปิฎก เรื่องวัสสการพราหมณ์ กล่าวคำไม่เหมาะสม เมื่อเห็น ท่านพระมหากัจจายนะ ลงจากภูเขา
ขอความกรุณาจากสหายธรรมที่ทราบว่า เป็นตอนไหน ช่วยกรุณาทำลิ้งค์ฯ ให้ด้วยเพื่อความสมบูรณ์ของข้อความที่ท่านอาจารย์อ้างอิงไว้แล้วก็จักขอบพระคุณอย่างมากค่ะ. คือว่า ข้าพเจ้าสะกดชื่อตอนพระไตรปิฎกไม่ถูกน่ะค่ะ.
ขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญคลิกอ่านพระสูตรเพิ่มเติมที่..
คำพูดที่ควรพูดและไม่ควรพูด
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
อาจารย์ประเชิญ ได้เสนอลิ้งค์ของพระสูตร ที่เป็นเนื้อความของกระทู้นี้แล้ว ผมขอเสนอ ลิ้งค์ และข้อความ เสริมจากเนื้อความหลัก นั้น ดังนี้
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 167
อรรถกถาโคปกโมคคัลลานสูตร
ก็เพราะเหตุไร วัสสการพราหมณ์นั้น จึงให้การอารักขาในพระเวฬุวันนั้น (เพราะ) ได้ยินว่า วันหนึ่ง ท่านวัสสการพราหมณ์นั้น เห็นพระมหากัจจายนเถระ ลงจากเขาคิชฌกูฏ จึงกล่าวว่า นั่นเหมือนลิง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้สดับคำนั้นแล้วตรัสว่าเขาขอขมาโทษเสีย ข้อนั้นเป็นการดี ถ้าไม่ขอขมาโทษเขาจักเป็นลิงหางโคในพระเวฬุวันนี้ วัสสการพราหมณ์นั้น ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว คิดว่า ธรรมดาพระดำรัสของพระสมณโคดมไม่เป็นสอง ภายหลังเมื่อเวลาเราเป็นลิง จักได้มีที่เที่ยวหากิน จึงปลูกต้นไม้นานาชนิดในพระเวฬุวัน แล้วให้การอารักขา กาลต่อมา วัสสการพราหมณ์ถึงอสัญญกรรมแล้วเกิดเป็นลิง. เมื่อใครพูดว่า วัสสการพราหมณ์ ก็ได้มายืนอยู่ใกล้ๆ .
ปล. โคนงฺคลมกฺกโฏ = ลิงหางโค (ลิงหน้าดำหรือชะนี)
พระผู้มีพระภาคทรงเตือนว่า "ไม่ควรพูดถึงทุกอย่าง ที่ได้เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้กลิ่น ที่ได้ลิ้มรส ที่ได้กระทบสัมผัส ที่ได้คิดนึก ที่เป็นเหตุให้อกุศลธรรมเจริญ ที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมเสื่อม"
ขออนุโมทนาครับ
ถ้ามอง เป็น "ธรรมะ" ทุกคนมีกาย วาจา ตามการสะสมจริงๆ ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะพูด จะคิด ก็ต้องเป็นไป ตามการสะสม
อนุโมทนาค่ะ
ควรพูดเรื่องจริง มีประโยชน์ ถูกกาล พูดคำไพเราะ และพูดด้วยเมตตาจิต
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
นี่ก็เป็น หิริ โอตตัปปะ อีกขั้นหนึ่ง ที่จะรู้ว่า แม้จะเป็นความจริง แต่ สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่ควรพูด !
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาธรรมในกุศลบุญท่านอ.สุจินต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบคุณกัลยาณมิตรที่นำมาเผยแพร่
ต่อแต่นี้ข้าพเจ้าจะมีสติระวังในการสนทนา..ให้มากขึ้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ