มีวันหนึ่งสีกามากับโยมแม่ของเรา เราเรียกสีกาแล้วยิ้มตามปกติโดยไม่ได้พูดคุย โดยไม่มีจิตกำหนัด (แต่ผมมาคิดมากว่าถ้าเกิดมีจิตกำหนัดตอนที่ยิ้มโดยไม่ได้พูดคุยนี่ จะต้องอาบัติสังฆาทิเสสมั้ยครับ)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
หากเพียงยิ้ม แม้มีจิตชอบ กำหนัดก็ตาม ก็ไม่ต้องอาบัติถึงสังฆาทิเสสแน่นอน ครับ
แต่ถ้ายิ้มโดยไม่มีจิตกำหนัด ก็ไม่ต้องอาบัติใดๆ เลยครับ
การบวชด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้อง คือ เป็นไปเพื่อละคลายกิเลสและประพฤติตามพระธรรมวินัย ย่อมเกื้อกูล และเป็นประโยชน์กับผู้นั้นเอง แต่การบวชด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ถูกต้อง และไม่ศึกษาพระธรรมและไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้า บัญญัติไว้ การบวชนั้น ก็เป็นดั่งมีดสองคม ที่จับด้านที่คม ย่อมบาดมือของผู้จับที่จับไม่ดี การบวชด้วยจุดประสงค์ที่ผิด ไม่ปฏิบัติตามพระวินัย ย่อมมีโทษกับผู้ที่บวช ย่อมห้ามสุคติ คือ การเกิดในสวรรค์ คือ ไปอบายภูมิได้ หากสิ้นชีวิตเมื่อเป็นเพศพระภิกษุ ครับ
ขอบคุณครับ คือว่าผมเป็นคนคิดมากคือพึ่งออกจากปริวาสมาแล้วคือตอนนี้ตั้งใจห้ามใจ ไม่พูดไม่คุยกับสีกาใดๆ เลยเป็นกังวลครับ
ผมเป็นกังวลมากเพราะผมยิ้มให้โยมแม่ แล้วลืมตัวยิ้มให้สีกา ด้วยความกลัวก็อ่านพระวินัยแต่ก็ไม่ได้ระบุไว้ เลยเป็นกังวลครับ
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
ไม่ได้มีอาบัติ เพราะไม่มีจิตกำหนัด และถ้าอาบัติก็เล็กน้อย ทุกกฎ เพราะฉะนั้น ก็สามารถปลงอาบัติกับพระภิกษุรูปอื่นได้ หากไม่สบายใจ เพราะยังไงก็ไม่ถึงอาบัติสังฆาทิเสสแน่นอนครับ เพราะฉะนั้น สบายใจได้ เพียงปลงอาบัติ ก็ทำให้อาบัตินั้นตกไป ไม่ติดตัว ไม่มีโทษครับ ขออนุโมทนา
แล้วถ้าเรายิ้มให้สีกาโดยที่เรามีจิตกำหนัดล่ะครับ ต้องถึงสังฆาทิเสสมั้ยครับ
ไม่ถึงอาบัติสังฆาทิเสสครับ เพียงอาบัติทุกกฎ และปลงอาบัติได้ครับ
ครับตอนแรกผมคิดมากเลย ตอนถามพระพี่เลี้ยงๆ ก็บอกไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส เพราะไม่ได้พูดสนทนากัน ผมแทบจะไม่กล้าออกไปไหนเลยเพราะการหยุดความคิดนี่ยากพอควรเลย ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ ตอนนี้สบายใจมากครับ เออ แล้วมันอยู่ในข้อไหนของพระวินัยครับ
อาจจะอยู่ในเสขิยวัตรนะครับ ขออนุโมทนา
ครับขอบคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพศบรรพชิตเป็นเพศที่สูงยิ่ง ผู้ที่บวชต้องรู้ถึงจุดประสงค์จริงๆ ว่าบวชเพื่อศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเอง จะมีความประพฤติเป็นไปเหมือนอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้เลยทีเดียว จะต้องมีการศึกษาพระวินัยให้เข้าใจเพื่อจะได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรเว้นและอะไรคือสิ่งที่ควรน้อมประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้ เพราะถ้าล่วงละเมิดสิกขาบท ต้องอาบัติข้อต่างๆ ย่อมเป็นโทษกับตนเองโดยส่วนเดียว ถ้ายังปฏิญาณตนว่าเป็นพระภิกษุอยู่ เมื่อต้องอาบัติแล้วไม่ได้แก้ไขตามพระวินัย ถ้าหากมรณภาพลง (ตาย) ย่อมมีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้า ซึ่งน่ากลัวมากครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับฺ....