สนทนาธรรมวันที่ 23 ต.ค. 2559
คำถามจากญาจาง พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ตนเป็นที่พึ่งแก่ตน เมื่อไม่มีตัวตน ตนหมายถึงอะไร?
ท่านอาจารย์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าไม่มีตัวตน "เห็น" ไม่ใช่ตัวตน เราเห็นว่ามีคนเต็มห้อง แต่ที่จริงแล้วมีแต่ธรรม ความติดข้องจะทำให้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริงได้ไหม? โทสะ ช่วยได้ไหม? มีแต่พระรัตนตรัยเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งได้ พระพุทธเจ้าเป็นรัตนะที่ 1 พระธรรมเป็นรัตนะที่ 2 ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะไม่เข้าใจเลยว่า สภาพธรรมเกิดดับตลอดเวลา มีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ใครจะคิดได้ว่า ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล
คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ให้จำ แต่ต้องพิจารณาให้เข้าใจด้วยตัวเอง สภาพธรรมลึกซึ้งมาก ไม่สามารถเข้าใจได้โดยง่าย เหมือนง่ายที่จะพูดว่า เห็นเป็นธรรมะ แต่กว่าจะรู้อย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก วันนี้ก็เช่นกัน แต่ไม่เหมือนกัน ก่อนเห็นไม่เห็น เห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วดับทันที เห็นไม่เพียงเห็น แต่จำด้วย
มีสภาพธรรมมากมายนับไม่ถ้วนในแต่ละขณะ พระพุทธเจ้าทรงแสดงความละเอียดของสภาพธรรมที่เกิดแต่ละอย่าง นี่คือการรู้พระคุณของพระพุทธเจ้า คือ พระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณ เริ่มรู้ความจริงว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา สะสมเพิ่มขึ้น ที่เรียกว่า ภาวนา ไม่ได้หมายถึงทำโดยไม่เข้าใจ แต่หมายถึงค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา
ใครรู้ว่า อวิชชาสะสมจากเมื่อวานถึงวันนี้ และจนตาย และสะสมในชาติต่อๆ ไป ใครจะรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น ทำไมไม่เข้าใจความจริง ทีละเล็ก ทีละน้อย ความเข้าใจเริ่มด้วยการฟัง ชีวิตนี้เพื่ออะไร? มีชีวิตเพื่อเข้าใจความจริง แต่ไม่ใช่ด้วยความตั้งใจ ความเข้าใจถูกเกิดขึ้นท่ามกลางอวิชชาและกิเลสอื่นๆ
ทุกคนรู้เรื่องจิตไหม?
นีน่า จิตเป็นสภาพรู้ เกิดดับสืบต่อจากขณะหนึ่งไปสู่อีกขณะหนึ่ง "เห็น" เป็นจิตที่เกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ชีวิตเป็นไปด้วยการรู้ทางทวารทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ไม่ใช่เราที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ทรงแสดงให้เข้าใจแต่ละขณะที่เกิด จิตเกิดพร้อมกับเจตสิกโดยเหตุปัจจัยต่างๆ เช่น เห็นต้องเกิดเมื่อมีจักขุปสาท ไม่มีใครทำให้เกิดได้ เกิดแล้วดับทันที เมื่อฟังธรรมจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ความเข้าใจก็ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่มีใครทำให้เข้าใจขึ้นได้
ซาร่าห์ ไม่ใช่เพียงมีจิต เจตสิก รูปเกิดขึ้นทำกิจ ไม่ใช่เรา ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดใช้บัญญัติ ต้องใช้คำเรียกจึงจะเข้าใจว่าหมายถึงใคร อะไร มีทั้งปรมัตถธรรมและสมมติธรรม เมื่อเข้าใจถูกก็สามารถใช้บัญญัติ โดยไม่เข้าใจผิดว่าเป็นตัวตน เมื่อทรงแสดงว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่ได้หมายความว่ามีตัวตน ไม่มีที่พึ่งใดนอกจากความเข้าใจคำสอน ภาวนา คือ การ อบรมเจริญปัญญาให้เพิ่มขึ้น
พระ ในอัฏฐสาลินีแสดงว่า ลักษณะของจิตเป็นปัณฑระ จิตบริสุทธิ์อย่างไร?
ท่านอาจารย์ จิตเป็นสภาพรู้อย่างเดียว เจตสิกเป็นสภาพที่เกิดกับจิตทำให้จิตเป็นกุศลหรืออกุศลก็ได้ จิตเกิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเกิดพร้อมเจตสิก "เห็น" เป็นจิต เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยไม่ใช่จิต แต่ต้องอาศัยเจตสิก จิตจึงจะเกิดได้ ขณะได้ยินมีผัสสเจตสิกกระทบเสียง พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโดยละเอียด เพราะความไม่รู้มีมาก ไม่รู้ทุกอย่าง จนกว่าจะเข้าใจว่า ทุกอย่างไม่ใช่เรา ผัสสะไม่ใช่จิต จิตบริสุทธิ์ไม่ว่าจะเกิดร่วมกับเจตสิกใด
พระ เข้าใจว่า เพราะโลภเจตสิกดับไปทันที จิตจึงบริสุทธิ์ ถูกไหม?
โจโนธาน ขณะเห็นไม่มีโลภะเกิดร่วมด้วย โลภะเกิดที่มโนทวารหลังเห็น
ท่านอาจารย์ เมื่อยังไม่เข้าใจจิตแต่ละขณะตามความเป็นจริง ก็ยังยึดถือว่าเป็นตัวตน ขณะเห็น มีใครสามารถทำให้เกิดได้ไหม แม้เห็นเดี๋ยวนี้ก็ต้องมีเหตุปัจจัย จึงไม่ใช่เราเห็น แต่เห็นเกิดขึ้นเห็น พระพุทธเจ้าทรงแสดง เหตุปัจจัยของแต่ละขณะอย่างละเอียด ขณะหลับมีใครรู้บ้างว่า เป็นใครกำลังหลับ แต่จิตอยู่ที่นั่นเมื่อถึงเวลาเห็นก็เห็น ถึงเวลาได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ก็ได้ยิน ... ถ้าไม่ศึกษาอภิธรรม ก็ไม่สามารถเข้าใจความละเอียดของธรรมได้ ชีวิตดำเนินไปเพราะจิตเกิดดับสืบต่อ ย้อนกลับไปขณะเกิด ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อจากขณะสุดท้ายของชาติก่อน
ถาม ช่วยอธิบาย เมตตาจิต
ซาร่าห์ ถ้าติดข้องกับเพื่อนไม่ใช่เมตตา เมื่อคิดถึงเพื่อนอาจเป็นมานะ ว่า พวกเรา หรือเป็นความขุ่นใจ นี่เป็นอกุศลจิตที่คิดถึงเพื่อน แต่ถ้าคิดด้วยเมตตา อยากช่วยเหลือ เป็นมิตร ไม่เจาะจงว่าเป็นใคร หลายคนคิดว่า ต้องเริ่มเมตตากับตัวเองก่อนด้วยการให้สิ่งดีๆ กับตัวเอง นั่นเป็นการติดข้อง แล้วก็ค่อยๆ เมตตาคนอื่น เช่น เราชอบฟังคำดีๆ คนอื่นก็เช่นเดียวกัน เมตตาจึงต้องแก่คนอื่น ไม่ใช่ตัวเอง
ท่านอาจารย์ ขณะนี้เมตตาไหม? ใครรู้ไหม? ไม่มี เพราะเห็นยังไม่รู้ว่าไม่ใช่เรา เมื่อยังไม่เข้าใจตามความเป็นจริง จริงๆ แล้วอยู่ในโลกของความมืด นอกจากเห็นเท่านั้นที่สว่าง แม้แต่ห้องน้ีที่สว่าง แต่จริงๆ แล้วมืดเพราะอวิชชาที่ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จนกว่าจะได้ฟังธรรมเข้าใจ จึงจะเริ่มสว่างขึ้นๆ สภาพธรรมทั้งหมดลึกซึ้ง ยากจะรู้ จึงมีความเข้าใจหลายระดับ ขั้นฟังเข้าใจ จนถึงปฏิบัติ รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ตามปกติ ไม่มีทางอื่น คำสอนของพระพุทธเจ้าละคลายความไม่รู้ และความเป็นตัวตน อยากระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ไหม
ตอบ อยาก
ท่านอาจารย์ นั่นเป็นโลภะ ไม่ใช่ปัญญา ปัญญาเท่านั้นที่ทำให้ละคลาย ไม่ใช่ติดข้อง
ซาร่าห์ บางคนคิดว่า ติดตามอาจารย์ หรือไปทำอย่างอื่นแล้วจะเกิดสติระลึกรู้ นั่นเป็นโลภะ ขณะที่พอใจอาหาร หรือเบื่ออาหาร ทำอย่างไรสติจะเกิดเร็วๆ ไม่ใช่ความเข้าใจสิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ บางคนอยากมีสมาธิ ขณะที่เข้าใจไม่สนใจว่าจะเป็นโลภะ โทสะ เพราะเป็นอารมณ์ให้สติระลึกรู้ได้ เพราะอะไรจะเกิดเพราะเหตุปัจจัยก็ได้ ทุกอย่างเกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัยที่ปัญญาสามารถรู้ได้ ไม่ใช่หวังว่าจะเป็นเมตตาหรือกุศลเพิ่มขึ้น
นีน่า เข้าใจตรงลักษณะของสภาพธรรม คิดถึงธรรมก็เป็นคิด ไม่ใช่สติที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ขอให้อาจารย์อธิบายความต่างกันของคิดกับสติ
ถาม ผมทำธุรกิจจึงไม่สามารถร่วมสนทนาตลอด ต้องกลับบ้าน แต่อยากเข้าใจมากขึ้น
ท่านอาจารย์ คุณทำอะไรได้บ้าง? แม้คิดก็เกิดเพราะเหตุปัจจัย ปัญญาสามารถระลึกรู้ได้ทุกอย่างว่า ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่มีใครหยุดยั้งความคิดได้ เพราะเกิดแล้วจึงปรากฏ มีจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดง ลักษณะต่างๆ ของจิต เป็นกุศล อกุศล วิบาก พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง เห็นเกิดขึ้นเห็นเพียงชั่วขณะ แต่เหมือนเห็นตลอดเวลา แต่จริงๆ เห็นไม่คิด คิดรู้อารมณ์ที่เกิดแล้วดับแล้ว อย่างคิดถึงธุรกิจ คิดเกิดขึ้นหลังเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เราต้องเข้าใจคิดก่อน
ถ้าไม่ได้ฟังธรรม จะคิดถึงสภาพธรรมไหม? ไม่มีทาง เห็นเกิดขึ้นเห็น นี่คือเข้าใจเรื่องเห็นขั้นฟัง และปกติหลังเห็นแล้วเป็นอะไร อวิชชา ไม่รู้ ที่ใหญ่ที่สุด แม้แต่คิดเรื่องเห็นก็ไม่มีทางคิดถึงได้ แข็งเกิดกับอะไร ถ้าไม่มีจิตรู้แข็งก็ไม่สามารถคิดได้ แข็งไม่ใช่โต๊ะ มีใครรู้บ้างว่า แข็งไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล กว่าจะรู้ความต่างกันของคิดกับระลึกรู้ ใช้เวลานานมาก ต้องอาศัยสัจจบารมี ความจริงใจที่จะเข้าใจคำสอน และรู้ว่า เป็นปัญญาหรือยัง ถ้าคิดว่าพยายามทำได้ นั่นผิด จุดสำคัญของการฟัง คือ รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ตามความเป็นจริง เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึกเกิดแล้วตามเหตุปัจจัย ปัญญาค่อยเจริญจากการฟังเข้าใจ นี่คือสัมมามรรคหรือมิจฉามรรค ถ้าเป็นมิจฉามรรค อวิชชามากขึ้น ทุกครั้งที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ขณะที่ฟังให้เข้าใจ ไม่ใช่พยายามทำอย่างหนึ่งอย่างใด
ถาม หลังเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึกมีอวิชชาเกิด เข้าใจว่า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย อวิชชาเกิดเพราะกรรมหรือไม่?
ซาร่าห์ มีแต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสไม่เกิดร่วมกับอกุศล หรือกุศล เพราะเป็นผลของกรรม อวิชชาเป็นอกุศลที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยเช่นกัน แต่ไม่เกิดเพราะกรรม เกิดเพราะสะสมมาจากขณะก่อนๆ วันก่อนๆ ชาติก่อนๆ ปีก่อนๆ จนเป็นอุปนิสัยที่ต่างกัน หลังทุกทวาร พูดหยาบๆ เห็นแล้วคิด ได้ยินแล้วคิด ...
รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม หลังรับประทานเสร็จ ลูกสาวเวียดนามจัดเค้กมา surprised birthday ให้ ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ได้นำเค้กไปกราบท่านอาจารย์พร้อมกับเรียนท่านว่า ท่านได้ให้ชีวิตใหม่จากเดิมที่ไม่รู้อะไรเลย เป็นชีวิตที่มีประโยชน์ที่เข้าใจความจริงเพิ่มขึ้น จะไม่ทำให้เวลาในชีวิตสูญเปล่า โดยทำดีและศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ท่านอาจารย์อวยพรให้เจริญในกุศลยิ่งขึ้น กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
สนทนาธรรมภาคบ่าย 16.00 - 18.00 น.
ท่านอาจารย์ ถ้าคิดไม่เกิด จะมีเราเห็นไหม ใครทำให้คิดเกิด ไม่มีใคร ถ้าไม่มีเห็น จะไม่มีเราเห็น ไม่มีใครทำให้เห็นเกิด เห็นเกิดเพราะ เหตุปัจจัยที่เหมาะสม หูไม่เป็นปัจจัยให้เห็นเกิด นั่นคืออนัตตา นึ่คือธรรม สิ่งที่มีจริง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ใครทำให้ได้ยิน ไม่มี ทุกอย่างที่มีจริงล้วนเป็นธรรมะ ก่อนฟังธรรมทุกคนคิดว่า เป็นเราเห็น ... ไม่ว่าเมื่อไร โลกมีเพียง 2 อย่าง ถ้าไม่มีสภาพรู้ โลกไม่ปรากฏ โลกอยู่ที่ไหน?
ตอบ โลกอยู่ในใจของเรา
ท่านอาจารย์ ใจคืออะไร? มีดอกไม้ ผู้คน เพราะมีสภาพธรรมที่เป็นสภาพรู้ เราถือทุกสิ่งที่เกิดเป็นเรา ของเรา อนัตตา เป็นภาษามคธี ไม่ว่าจะแปลอย่างไร แต่ความจริงคือความจริง เห็นกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็น อย่างไหนเป็นอนัตตาโลกของธรรมเป็นโลกที่ต่างกับโลกที่เคยชิน
ตอบ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นอนัตตา
ท่านอาจารย์ ทั้ง 2 อย่างเป็นอนัตตา ทั้งหมดที่มีจริงเป็นอนัตตา ติดข้องเป็นอนัตตาไหม
ตอบ ไม่เป็น
ท่านอาจารย์ ทั้งหมดที่เกิดปรากฏเพราะเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา มีอะไรอีกที่เป็นอนัตตา ร้อนมีจริงไหม เพราะอะไร
ตอบ เพราะร้อนเกิดขี้น
ท่านอาจารย์ รู้ได้อย่างไรว่าร้อน ร้อนปรากฏได้อย่างไร?
ตอบ ทางกายปสาท
ท่านอาจารย์ แต่กายไม่รู้อะไรเลย จึงเป็นสภาพที่ไม่สามารถรู้ได้ จำไม่ได้ รู้สึกไม่ได้ ถ้าไม่มีสภาพรู้เกิดขึ้นรู้ จะไม่มีอะไรปรากฏเลย ได้ยินเสียงที่ถนนไหม ไม่ได้ยิน เพราะเสียงที่ถนนไม่กระทบโสตปสาท
มีสภาพธรรม 2 อย่างที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยต่างกัน ถ้าไม่มีสภาพธรรม จะไม่มีการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า แต่ทรงตรัสรู้ว่า สิ่งที่เกิดปรากฏดับทันที เป็นสังขารธรรม เป็นอนัตตา เดี๋ยวนี้มีตนไหม มีเราไหม มีดอกไม้ไหม ไม่มี แล้วเป็นอะไร พูดถึงความจริงที่ปรากฏ เดี๋ยวนี้มีคุณที่กำลังได้ยินไหม?
ซาร่าห์ กำลังพูดถึงสิ่งที่มีจริงกับสิ่งที่คิดว่ามี ปรมัตถธรรมกับบัญญัติธรรม เห็นจริงไหม หรือคิดว่าเห็น เห็นจริงเพราะเกิดปรากฏ คิดว่าได้ยินธรรม แต่จริงๆ เพียงได้ยินเสียง แล้วคิด สิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา
ท่านอาจารย์ เมื่อฟังความเป็นอนัตตาของสิ่งที่มีจริง "เห็น" เป็นคุณไหม?
ตอบ เป็น
ท่านอาจารย์ ก่อนเห็น ไม่มีเห็น เห็นแล้วดับไป คุณอยู่ที่ไหน? พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ธรรมเป็นอนัตตา ไม่ใช่ใคร จึงต้องเข้าใจคำว่า "ธรรม" ให้มั่นคง เหมือนโลกเต็มไปด้วยทุกอย่าง เสียงเป็นโลกไหม สิ่งที่ปรากฏมีลักษณะเฉพาะของตน เสียงเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีความต่างกันของปุถุชนกับ พระพุทธเจ้า ก่อนฟังธรรม ทุกอย่างเป็นเรา ของเรา แต่ทรงแสดงว่า ทั้งหมดเป็นธรรมะที่เป็นอนัตตา
ซาร่าห์ ที่พูดว่า คุณจริง ตรงไหนจริง คุณอยู่ในความคิด จริงๆ มีเพียงเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ไม่ใช่คุณ เพราะเกิดแล้วดับแล้ว หลายคนคงสงสัยทำไมเรื่องสิ่งที่มีจริง ไม่จริง จึงสำคัญ เพราะถ้าเข้าใจก็สามารถละคลายความเห็นผิดได้ พร้อมกับละคลายอกุศล
ท่านอาจารย์ อวิชชาจริงไหม ขณะนี้มีอวิชชาไหม?
ตอบ จริง
ท่านอาจารย์ อวิชชาไม่เข้าใจว่าอะไรจริง ตรงข้ามกับปัญญา แม้มีอวิชชาเดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้ เพราะอยู่ในความมืด เพราะไม่รู้จึงเป็นเรา ไม่ประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ธรรมคืออะไร อะไรจริง ธรรมคือสิ่งที่มีจริง สิ่งที่เกิดปรากฏทั้งหมดเป็นธรรมะ มีลักษณะเฉพาะของตน ขณะคิด เสียงปรากฏได้ไหม?
โจโนธาน สภาพธรรมมีลักษณะต่างกัน คิดต่างกับได้ยิน ได้ยินต่างกับคิดถึงเสียง ถ้าไม่ได้ยินก็คิดถึงเสียงไม่ได้ เป็นธาตุแต่ละอย่างที่ต่างกัน นี่เป็นพื้นฐานของความจริง
ท่านอาจารย์ กำลังพูดถึงธรรมหรือเปล่า? ใช่ พูดถึงปรมัตถธรรมว่า ธรรมทั้งหมดเป็นอนัตตา ถ้ายังไม่เข้าใจธรรมอย่างมั่นคง ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดต่อไป ฝันจริงไหม? ฝันจริง เป็นสภาพธรรมอะไร? มีโลกเพียง 6 โลก เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ฝันคืออะไร? ฝันคือคิดนึก ฝันถึงสิ่งที่ได้ยินกับได้ยินเดี๋ยวนี้ต่างกันอย่างไร? ได้ยินจริง ฝันไม่จริง แล้วฝันเป็นอะไร? ฝันคือคิดนึกถึงเสียงที่เคยได้ยิน อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้ฝัน ถ้าไม่เคยเห็นนีน่ามาก่อน จะฝันถึงนีน่าได้ไหม?
ถาม เมื่อได้กลิ่นอาหารบางอย่าง น้ำลายไหล อยากทาน เกิดเพราะอะไร?
ท่านอาจารย์ เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏแล้วจะรู้ความไม่มีสาระของสิ่งที่เพียงปรากฏแล้วดับไปทันที เราติดข้องในสิ่งที่ไม่มี เกิดปรากฏสั้นมาก เพียงคิดถึงสิ่งที่ปรากฏเหมือนนิมิต
ถาม สวดมนต์เพื่อผู้ประสบภัยต่างๆ ไม่ใช่สวดเพื่อตัวตน ถูกไหม?
ท่านอาจารย์ จริงๆ สวดเพราะติดข้อง
ถาม เมื่อไปวัดกับแม่ สวดอ้อนวอนเพื่อให้แม่มีสุขภาพดี ได้ฟังเมื่อวานว่า การขอไม่ดี แต่ขอเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเองน่าจะดี สามีบอกว่า ขอมากไป
โจโนธาน การมีสุขภาพดี หรือพ้นภัยต่างๆ นั้นเกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ใช่เพราะขอ ส่วนใหญ่จะขอให้ตัวเองหรือคนใกล้ชิด เพราะติดข้อง
ซาร่าห์ เมตตา ความเป็นมิตร แต่ติดข้องกับเมตตาใกล้เคียงกันมาก จึงแยกไม่ออก สวดอ้อนวอนให้คนอื่นเพราะเมตตาหรือเพราะติดข้อง?
ถาม โลกประกอบด้วยหลายส่วน ถ้าทุกส่วนดีก็จะทำให้โลกดีด้วย เหมือนคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยชิ้นส่วนมากมาย ถ้าทุกชิ้นดี คอมฯก็จะทำงานดีด้วย การขอให้คนอื่นก็เหมือนขอให้ตัวเอง
ซาร่าห์ ทุกคนมีกรรมเป็นของตน ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งตัวเองและแม่
ท่านอาจารย์ สามารถแบ่งเห็นกับคนอื่นได้ไหม ไม่ได้ เพราะดับหมดแล้ว จะเห็นว่า ทุกอย่างขึ้นกับเหตุปัจจัย จะแบ่งกัน ยกให้กัน ขอให้กันไม่ได้เลย
จบการสนทนาธรรมหกโมงเย็น ลูกสาวเวียดนามจะพาไปทานอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของฮานอยเวลาเกือบทุ่ม นั่งแท๊กซี่ไปใกล้ๆ เป็นร้านเวียดนามจากเมืองเว้ คิดเอาเองว่า เป็นอาหารชาววัง เพราะเว้เป็นเมืองหลวงเก่าเมื่อยังมีกษัตริย์ อาหารที่ร้านนี้ประดิษฐ์ประดอยเป็นชิ้นเล็กๆ รสชาติกลมกล่อมไปทางจืด แต่ก็อร่อยดี เห็นอาหารที่สั่งหลายอย่างกับความสวยงามของการจัดอาหารแล้วเดาว่าคงแพง ตั้งใจจะเลี้ยงวันเกิดก็กลัวว่า เงินด่องที่แลกมา 100 ดอลล์ได้ 2,100,000 ด่อง จะไม่พอ ความตระหนี่เกิดทำกิจไม่ยอมเลี้ยง ไม่ใช่ตัวตนของคุณแดงที่ขี้เหนียว ตกลงว่าคุณแอนน์ จากแคนาดา และคุณวินเซ็นต์ สมาชิกใหม่ชาวไต้หวันที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกเป็นคนเลี้ยงวันเกิดให้ ราคาอาหารก็แสนถูก เพียง 1,100,000 ด่อง สำหรับคน 13 คน เสียดายที่ไม่เลี้ยงเสียเอง ตอนนี้เป็นโทสะที่เกิดเสียดาย เพราะอยากได้ชื่อเสียงว่าเป็นใจกว้าง ที่เป็นโลภะ สภาพธรรมเกิดดับสืบต่อเป็นกุศล อกุศลมากมาย ความจริงไม่เห็นว่าตอนไหนเป็นกุศลเลย มีแต่อกุศล และเพิ่งมาคิดย้อนหลังตอนนี้ ไม่ใช่ขณะที่กำลังปรากฏ จึงเป็นเพียงความคิดนึกเพราะได้เคยฟังมาแล้ว ยังไม่ใช่ปฏิปัตติ ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏจริงๆ แต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก เพราะคิดถึงสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน อ้อ! คิดตอนเป็นกุศลออกแล้ว สำคัญมากด้วย ตอนที่คิดได้ว่า เป็นความตระหนี่เกิดขึ้นทำกิจเพราะเคยสะสมความตระหนี่ไว้มาก ความตระหนี่จึงเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ใช่คุณแดงตระหนี่ ที่คิดได้อย่างนี้เพราะสะสมการฟังธรรม พิจารณาธรรมบ่อยๆ เช่นเดียวกัน แต่สะสมความเข้าใจธรรมน้อยกว่าสะสมความตระหนี่ ความเข้าใจธรรมตามความเป็นจริงจึงเกิดน้อยกว่า ทุกอย่างที่เกิดปรากฏจึงยังคงเป็นเราอยู่เกือบตลอดเวลา นานๆ จึงจะคิดได้ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา และก็ยังเป็นเพียงขั้นคิด ขั้นจำ ไม่ใช่ขั้นประจักษ์แจ้ง ก็ต้องสะสมความเข้าใจธรรมด้วยการฟังด้วยดี พิจารณาธรรมที่ได้ฟังจนกว่าจะมีกำลังทำกิจประจักษ์แจ้งธรรมตามความเป็นจริงได้
ระหว่างรับประทานอาหาร ตั้มน้อยเล่าให้ฟังถึงการเมืองในประเทศ เราเลยบอกให้คอยวีรบุรุษ เธอบอกว่า จริงๆ ไม่มีวีรบุรุษ มีแต่สร้างคนขึ้นมาให้เป็นวีรบุรุษเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ไม่เหมือนกับกษัตริย์ของเมืองไทยที่ทรงกระทำเป็นแบบอย่างให้ประจักษ์แก่สายตาของชาวโลกตลอดรัชสมัยที่ยาวนานของพระองค์ ความดีของพระองค์จะสถิตย์อยู่ในดวงใจไทยนิรันดร์ ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมกราบแทบพระบาทพระราชาผู้ทรงธรรม
หลังอาหารค่ำ ออกจากร้านไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินรอบทะเลสาป ถนนคนเดินที่ฮานอยเป็นถนนคนเดินเล่นจริงๆ ไม่ใช่ถนนให้คนนั่งขายของและคนเดินซื้อของเหมือนเมืองไทย เขาปิดถนนเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ ประดับไฟสวยงาม ผู้คนก็เดินกันเต็มถนน อากาศตอนค่ำเย็นสบาย มีการแสดงดนตรีและจำอวดให้คนมุงดูเป็นหย่อมๆ เดินเก็บบรรยากาศเมืองฮานอยยามค่ำคืนมารายงานให้ทราบให้สมกับเป็นผู้รายงานข่าวภาคสนามค่ะ
สวัสดีค่ะ พลอากาศตรีหญิงกาญจนา เชื้อทอง รายงาน รศ.สงบ เชื้อทองและคุณนภา จันทรางศุ เก็บภาพ คุณวันชัย ภู่งาม ตัดต่อภาพค่ะ
ขอเชิญติดตามตอนที่ผ่านมาได้ที่นี่ ...
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (1)
สนทนาธรรมที่ฮานอย ซาปา 2559 (2)
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
กราบอนุโมทนากับท่านวิทยากร ผู้เข้าร่วมสนทนาทุกท่านและพลตรีหญิงกาญจนา เชื้อทองและทีมงานผู้รายงาน
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในมหากุศลค่ะ และขอกราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบอนุโมทนาวิทยากร ทีมงานถ่ายทอด พี่แดงกาญจนาที่นั่งแปลด้วยกุศลวิริยะ และผู้เข้าร่วมสนทนาทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาครับ
ได้ประโยชน์มากครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. กาญจนา ด้วยครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ