ไม่มีอุบายหรือเคล็ดลับใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้สติปัฏฐานเกิดได้เลย มีแต่เพียงความเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าทางตา ทางหู ... และทางใจ
การฟังพระธรรม และพิจารณาธรรมบ่อยๆ เท่านั้น ที่จะทำให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ จนเป็นปัจจัยให้สติมีกำลังที่จะระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรม ไม่มีตัวตน ไม่มีเราที่ไประลึก ต้องมั่นคงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม แม้สติก็เป็นธรรมอย่างหนึ่งเป็นอนัตตา หนทางปฏิบัติที่จะให้ละกิเลสได้ มีทางเดียว คือ การเจริญสติปัฏฐาน ไม่ใช่การทำ แต่เป็นการอบรมเจริญเนืองๆ บ่อยๆ เพื่อให้มีมาก เพื่อให้เป็นกำลัง
ขออนุโมทนาค่ะ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ
ขออนุโมทนา
การฟังธรรม การสนทนาธรรมตามกาล นี้เป็นอุดมมงคล ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ผมเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่นึกคำไม่ออก ยินดีที่ได้เข้ามาเจอเวปนี้ครับ
ขออนุโมทนาครับ
พระพุทธองค์ ทรงชี้แนวทางให้เมื่อ 2500 กว่าปีมาแล้ว ... ยังไม่มีผู้ใด ปฏิเสธ ความจริงที่ปรากฏในคำสอนของพระองค์ได้เลย ผู้ศึกษาจริง ผู้ปฏิบัติจริง จึงจะรู้จริงได้ และเข้าถึงสติปัฏฐาน
สติปัฏฐาน ... เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากจริงๆ ไม่มีใครคาดการณ์ได้ ว่าจะเกิดหรือไม่และเมื่อใด เปรียบดั่งการไม่ทราบว่าเมื่อใด นกจะบินผ่านมา ในตำแหน่งที่เรามองตรงออกไปบนฟ้าโดยที่เราไม่ได้กวาดตา
ทราบแต่เพียงว่า สติปัฏฐาน ไม่มีทางเกิดเลย ถ้าไม่ฟังธรรมให้มากๆ ฟังให้เข้า่ใจ พิจารณาให้กระจ่าง จำให้มั่น และหมั่นทำกุศลทุกวันด้วย
ขออนุโมทนา ผู้ใฝ่ธรรมทุกท่าน
อุบายหรือเคล็ดลับ ... ไม่ใช่การเป็นผู้ตรงต่อลักษณะของสภาพธรรม
ขออนุโมทนาครับ