[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 473
ว่าด้วยอวิชชาเป็นปัจจัยแก่สังขารอย่างไร
ถามว่า ในอธิการนี้ หากมีผู้กล่าวว่า พวกเรายอมรับว่า อวิชชา เป็นปัจจัยแก่สังขารทั้งหลายนี้ไว้ก่อน แต่คำที่ท่านกล่าวว่า อวิชชาเป็นปัจจัยอย่างไรแก่สังขารเหล่าไหนเล่า ในปัญหากรรมนี้ ท่านย่อมกล่าวคำนี้ว่า ปจฺจโย โหติ ปุญฺญานํ ทุวิธาเนกธา ปน ปเรสํ ปจฺฉิมานํ สา เอกธา ปจฺจโย มตา
อวิชชานั้นเป็นปัจจัยแก่ปุญญาภิสังขาร ๒ อย่าง เป็นปัจจัยแก่อปุญญาภิสังขาร ซึ่งมีข้างหน้าหลายอย่าง เป็นปัจจัยแก่อาเนญชาภิสังขารสุดท้ายอย่างเดียว ดังนี้.
ในการกล่าวแก้ปัญหานั้น ข้อว่า อวิชชาเป็นปัจจัยแก่ปุญญาภิสังขาร ๒ อย่าง ได้แก่ เป็นปัจจัย ๒ อย่าง คือ ด้วยอารัมมณปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย
จริงอยู่อวิชชานั้นเป็นปัจจัยแก่ปุญญาภิสังขารที่เป็นกามาพจร ในการพิจารณาสังขารโดยความสิ้นไปเสื่อมไป และเป็นปัจจัยแก่ปุญญาภิสังขารที่เป็นรูปาวจรในกาลรู้จิตมีโมหะด้วยอภิญญาจิต ด้วยอารัมมณปัจจัย
อนึ่ง เมื่อบุคคลบำเพ็ญซึ่งบุญกิริยาวัตถุที่เป็นกามาพจรมีการให้ทานเป็นต้น และเมื่อบุคคลยังรูปาวจรฌานทั้งหลายให้เกิดขึ้นอยู่เพื่อก้าวล่วงอวิชชา ก็เป็นปัจจัยแก่ปุญญาภิสังขารเหล่านั้นแม้ทั้งสองด้วยอุปนิสสยปัจจัย และเมื่อบุคคลปรารถนาสมบัติในกามภพและรูปภพ กระทำซึ่งบุญเหล่านั้นแหละ ก็ย่อมเป็นปัจจัยด้วยอุปนิสสยปัจจัยเหมือน เพราะความหลงใหลด้วยอวิชชา
อนึ่ง ข้อว่า อวิชชาเป็นปัจจัยแก่อปุญญาภิสังขาร ซึ่งมีข้างหน้าหลายอย่าง ได้แก่ อวิชชาเป็นปัจจัยแก่อปุญญาภิสังขารหลายอย่าง อย่างไร คือ อวิชชานี้ปรารภอวิชชา ในกาลเกิดกิเลส มีราคะเป็นต้น ก็เป็นปัจจัยด้วยอารัมมณปัจจัยในเวลาทียินดี การทำให้หนักก็เป็นปัจจัยด้วยอารัมมณาธิปติปัจจัย และอารัมมณูปนิสสยปัจจัย
เมื่อบุคคลหลงใหลด้วยอวิชชา ไม่เห็นโทษ กระทำอยู่ซึ่งปาณาติบาตเป็นต้น ก็เป็นปัจจัยด้วยอุปนิสสยปัจจัยเป็นปัจจัยแก่ชวนะที่ ๒ เป็นต้น ด้วยอนันตระ สมนันตระอุปนิสสยะ อาเสวนะ นัตถิ และวิคตปัจจัย. เมื่อทำอกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นปัจจัยหลายอย่าง คือ ด้วยเหตุ สหชาตะ อัญญมัญญะ นิสสยะ สัมปยุตตะ อัตถิ และอวิคตปัจจัย ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น