ดีใจมากที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่มูลนิธิ ฯ ได้เผยแพร่โดยการอธิบายพระ
ไตรปิฎกให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าศึกษาเองด้วยปัญญาอันน้อยนิด คงไม่
สามารถเข้าใจพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ซึ่งเป็น
สิ่งที่มีค่ามากๆ จนไม่สามารถประเมินค่าได้ จึงขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่าน
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์, คณะวิทยากร, คณะกรรมการมูลนิธิฯ, บ้านธัมมะ,
และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่พระธรรมอันถูกต้องโดยสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ
หนังสือ อินเตอร์เน็ต บรรยาย และสนทนาธรรม ที่มูลนิธิฯ และในที่ต่างๆ ตาม
โอกาส
เห็นด้วยอย่างมากกับ เจ๊ขำ ครับ เพราะว่าสติปัญญาอันน้อยนิด ไม่มีทางรู้ได้
เองเลย คงเป็นบุญกุศลที่สะสมมาในอดีตได้มาเจอะเจอ ทุกท่านในมูลนิธิ ฯ และ
โดยเฉพาะ ผมว่าเกี่ยวกับการออกอากาศทางวิทยุสถานีต่างๆ ทั่วประเทศ น่าจะมี
คนเปิดฟังโดยบังเอิญ (รวมทั้งตัวผมด้วย) บ้าง และอาจจะเอะใจกับ คำพูดของ
อาจารย์สุจินต์ ฯ ว่าไม่เคยมีใครพูดเกี่ยวกับธรรมะในข้อความแบบนี้ ในบรรยากาศ
แบบนี้ แรกๆ อาจจะงงๆ และท้อ ว่าพูดถึงอะไรฟังไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ หรือ ถ้าโชคดี
ปัญญาเกิด อาจจะเอาไปเปรียบเทียบ กับรายการวิทยุสถานีอื่นๆ ว่า เสนอการ
บรรยายธรรมที่ไม่เหมือนกัน ไม่มีผลประโยชน์ ไม่ต้องไปทำอะไรที่ไหนไม่เห็นพูดถึง
วิธีการอะไรต่างๆ ที่ส่วนมากสำนักปฏิบัติธรรมนิยมแนะนำให้ทำกันส่วนมาก นึกแล้ว
ยังอิจฉาอยู่ในใจเลย ว่าท่านที่อยู่ในมูลนิธิ ฯ แต่ละท่านมีโอกาสใกล้ชิดพระธรรม
มากกว่าเรา มีโอกาสทำความดีมาก และทำได้ถูกต้องด้วย แต่หลังจากฟังเทปที่
ซื้อไป และอ่านหนังสือที่ขอไปประมาณเกือบ 10 เล่ม (อ่านละเอียดทุกเล่มนะครับ)
ก็หมดกังวลได้ว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคตจริงๆ อยู่ที่ไหนก็ได้ครับถ้าเข้าใจ
สภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง และทุกอย่างอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น และตัว
เราอย่ายึดมั่นถือมั่นในตัวตน หลังจากศึกษาประมาณ 2 ปี อย่างต่อเนื่อง (ฟังเทป
และอ่านหนังสือบ่อยๆ ) รู้สึกว่าสภาพจิตได้เปลี่ยนไปทีละนิดๆ ความเข้าใจ และ
สภาพจิตที่เป็นไปเองตามที่ประสบกับสภาพธรรมต่าง ๆ ดีขึ้น ไม่ค่อยจะเป็นตัวตน
บ่อยนัก รู้สึกว่าจิตรู้สึกได้เองว่าควรจะทำอะไร ระลึกได้เร็วขึ้นเมื่อทำผิด (มีความ
เป็นตัวตน) ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจว่ามาถูกทางแล้ว และจะค่อยๆ เดินไปอย่างระวังที
ละเล็กทีละน้อย ถึงช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ดีกว่าเกิดอุบัติเหตุกลางทางถ้ารีบร้อน และ
ก็คิดว่าจะไม่ประมาท พยายามฟังเทปบ่อยๆ ถ้าไม่ฟังบางทีอาจ ทนงตนว่ารู้มาก
เสนอความคิดเห็นอะไรออกไปนอกเหนือความถูกต้องอาจพลาดได้ จึงวางกรอบเอา
ไว้ให้กับตัวเองว่าหมั่นฟัง , อ่าน , และ ตามดูเว็บของบ้านธรรมะ และติดตามความ
เคลื่อนไหวของมูลนิธิ ฯ บ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ สุดท้ายนี้ขออนุโมทนากับทุกท่าน
ที่มูลนิธิ ฯ และที่บ้านธรรมะ ด้วยความจริงใจครับ
อนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ ท่านอ.สุจินต์ ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิ ฯ เปรียบเสมือนมารดา
ทางธรรมของพวกเราและผู้สนใจศึกษาพระธรรมทุกท่าน นอกจากการนำพระสูตร
มาสนทนาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นแนวทางในการที่จะอ่านพระไตรปิฏก
บทอื่นๆ ด้วยแล้ว ทางมูลนิธิ ฯ ยังได้จัดให้มีการสนทนาธรรมในลักษณะการให้
เข้าใจสภาพธรรมในขณะนี้ (ขณะที่กำลังสนทนา) (ไม่ใช่การเข้าใจสภาพธรรมใน
ตำรา หรือรู้เพียงชื่อสภาพธรรม ซึ่งไม่นำไปสู่หนทางการศึกษาขั้นปริยัติที่ถูกต้อง)
ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมสนทนาที่มูลนิธิ ฯ ได้พิจารณาตามและค่อยๆ เข้าใจสภาพธรรม
ตามความเป็นจริง ซึ่งไม่ต้องเรียกชื่อก็มีจริง เพราะเกิดปรากฏอยู่ทุกขณะ เพียงเรา
ยังไม่รู้ แต่ก็สามารถค่อยๆ เข้าใจในขั้นฟังได้ สะสมไปทำให้เข้าใจขึ้นๆ ทีละน้อย
เหมือนการจับด้ามมีด ซึ่งไม่รู้เห็นการสึกเลย
จึงเห็นคุณค่าในแนวทางการศึกษาธรรมะของมูลนิธิ ฯ เป็นอย่างยิ่ง และขอ
กราบขอบพระคุณท่านอ.สุจินต์ ที่เคารพเป็นอย่างสูง มา ณโอกาสนี้ และวิทยากร
ทุกท่านครับ
ขออนุโมทนา และให้ทุกคนที่มีโอกาสได้ศึกษาความจริงของตัวเราซึ่งก็คือ
จิต เจตสิก รูป นั่นเอง จงตั้งใจศึกษาให้สมกับที่ท่านอาจารย์สุจินต์และคณะ
ได้เมตตาพร่ำสอนพวกเรา เพื่อสักวันหนึ่งจะถึงฝั่งพระนิพพาน
ขออนุโมทนา
ขอกราบท่านอ.สุจินต์ด้วยความเคารพ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน
ขอกราบท่านอ.สุจินต์ด้วยความเคารพ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย