ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๑
# คนที่กำลังศึกษาธรรม ต้องยอมรับตามความเป็นจริงว่า ยังมีกิเลส แต่ว่าศึกษาเพื่อที่จะดับกิเลส แต่ถ้าไม่ศึกษาเพื่อจะละกิเลสแล้ว ก็อาจจะทำให้กิเลสเพิ่มมากขึ้น จนถึงกับมีความเห็นผิดได้ ซึ่งอุปมาเหมือนกับผู้แสวงหางูพิษ แล้วจับงูพิษที่หาง ก็ย่อมจะถูกงูพิษกัด
# กุศลกรรม ไม่หักประโยชน์ใดๆ เลย ในขณะที่กุศลกรรมเกิด มีการช่วยเหลือเกื้อกูล เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและบุคคลอื่น และเวลาที่กุศลกรรมให้ผล ก็ย่อมนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติ สิ่งของให้เป็นของของตน ซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่ใช่ของตนเลย แต่เวลาที่กุศลกรรมให้ผลขณะใด ทรัพย์สมบัติสิ่งของทั้งหลายก็เป็นของตนเมื่อนั้น
# ในขณะที่มีการบริจาคทานวัตถุ พอที่จะเห็นลักษณะของอโลภะได้ไหม แต่ต้องเป็นในขณะที่จิตผ่องใส สละวัตถุนั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่น ต่างกับขณะที่หวังสิ่งตอบแทน เพราะฉะนั้น ลองพิจารณาดู การให้ เป็นกุศล แต่ต้องละเอียดที่จะรู้ว่าต่างกับขณะที่หวังสิ่งตอบแทน แม้หวังว่าจะได้รับเพียงความสนิทสนมคุ้นเคย นั่นก็เป็นอกุศลแล้ว หรือว่าหวังที่จะให้บุคคลที่ได้รับ เคารพนอบน้อม หรือว่าหวังที่จะให้ผู้รับ กตัญญูกตเวที ขณะนั้นก็เป็นอกุศลแล้ว
# เป็นผู้ที่ว่าง่าย เป็นผู้ที่อดทน ที่จะเจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่ให้พ้นจากการที่จะตกไปในทางฝ่ายอกุศล
# การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ต้องไม่เผิน ถ้าเผิน ก็ย่อมผิด เป็นการทำลายพระธรรมคำสอน
# ถ้าจะสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง ไม่มีตะปู ไม่มีส่วนประกอบ ไม่มีอะไรเลย แล้วจะให้เป็นบ้านหลังหนึ่งเกิดขึ้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในทางวัตถุก็ยังต้องอาศัยวัสดุ เครื่องอุปกรณ์ต่างๆ เพราะฉะนั้น การฟัง การเข้าใจธรรมที่ได้ยินได้ฟังแต่ละขณะนี้ ไม่ได้หายไปไหนเลย เป็นอุปกรณ์ซึ่งเก็บสะสมไว้ เพื่อที่จะให้ปัญญาที่สมบูรณ์เกิดขึ้นข้างหน้า
# การที่จะรู้จริงๆ ว่า สภาพธรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรา สภาพธรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรา ยากไหม ไม่ใช่เรา? เพราะไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละลักษณะ ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า เป็นธาตุแต่ละชนิด โลภเจตสิก สภาพที่ยินดี เพลิดเพลิน ต้องการ เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เป็นโลภธาตุ โทสะเป็นธาตุชนิดหนึ่ง โมหะเป็นธาตุชนิดหนึ่ง อโลภะ (ความไม่ติดข้อง) เป็นธาตุชนิดหนึ่ง อโทสะ (ความไม่โกรธ) เป็นธาตุชนิดหนึ่ง อโมหะ (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) เป็นธาตุชนิดหนึ่ง จักขุวิญญาณ การเห็น เป็นธาตุชนิดหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธาตุชนิดหนึ่ง เสียงเป็นธาตุชนิดหนึ่ง สภาพที่รู้เสียง ที่ได้ยินเสียงเป็นธาตุชนิดหนึ่ง
# ทุกคนอยากจะให้คนอื่นเข้าใจธรรม ใช่ไหม เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว ได้เข้าใจธรรมแล้ว? โดยเฉพาะพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านมีความรู้สึกว่า ทำอย่างไรคนอื่นถึงจะได้ตรัสรู้อริยสัจจธรรม และดับกิเลสได้ เหมือนอย่างท่านได้ทันที คือ ไม่มีการที่จะให้ช้าๆ หรือทีหลัง หรือให้ท่านไปไกลเสียก่อน แล้วคนอื่นจึงค่อยตามมา จะไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเลย สำหรับผู้ที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ มีแต่หวังว่า ทำอย่างไร คนอื่นจึงจะสามารถรู้แจ้ง
# โดยปรมัตถธรรมแล้ว “กิเลสกาม” ได้แก่ โลภเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพที่ยินดีพอใจ ไม่ว่าจะในขณะใดที่เกิดความยินดีพอใจขึ้น ขณะนั้นเป็นกิเลสกาม เมื่อเกิดความยินดีพอใจแล้ว ก็ต้องมีสิ่งซึ่งเป็นที่พอใจยินดีของโลภะ เพราะฉะนั้น สิ่งซึ่งเป็นที่พอใจยินดีของโลภะ แต่ไม่ใช่ตัวโลภะ เป็นสิ่งซึ่งยินดีพอใจของโลภะ ซึ่งที่โลภะพอใจเป็น “วัตถุกาม” เพราะเป็นที่ตั้งของความยินดี พอใจ
# อยากเจริญเมตตาไหม หรืออยากจะท่อง วันหนึ่งท่องมาก แต่ว่าไม่เมตตาเลย หรือว่าไม่ต้องท่อง แต่คิดถึงใครก็คิดด้วยจิตที่เมตตา และก็คิดแต่ประโยชน์ที่จะเกื้อกูลบุคคลอื่น แล้วเวลาที่พบกัน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย มีปฏิสันถาร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยากไหม หรือไม่ยากเลย ง่ายมาก อันนี้ต้องแล้วแต่จิตใจของแต่ละบุคคล แต่ว่าพระธรรมเริ่มจะส่องเป็นกระจกอย่างดีที่จะเห็นทุกซอกมุมของจิตใจของตนเองว่า เป็นบุคคลประเภทใด แต่ต้องเป็นผู้ตรงด้วย
# ลองคิดถึงวันหนึ่งๆ คงจะได้ประสบพบเห็นผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ ตั้งแต่ทุกข์เล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งทุกข์มากมายใหญ่หลวง ลองคิดถึงว่า ถ้าท่านเป็นบุคคลนั้น ท่านจะสามารถรับความทุกข์อย่างนั้นไหวไหม จะมีความอดทนพอ จะมีความอาจหาญที่จะมีชีวิตต่อไปด้วยกุศลจิตได้ไหม
# ถ้าใครเขาจะเสียใจเพราะคำพูดของเรา เพียงคิดเท่านี้ แล้วเขากำลังเป็นทุกข์อยู่เพราะคำพูดของเรา จะมีความกรุณาอะไรเกิดขึ้นได้ไหมที่จะทำให้เขาพ้นจากความทุกข์นั้น ด้วยคำพูดที่ทำให้เขาสบายใจขึ้นก็ได้ เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่ว่าจะเป็นแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่จะทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดที่กำลังมีความทุกข์ พ้นความทุกข์ ก็ควรจะทำ
# ไม่น่าจะยากเลย ใครได้ดีมีสุขก็ยินดีด้วย จิตใจก็เบิกบานแช่มชื่นผ่องใส ในขณะนั้นเป็นกุศลแล้ว แต่ถ้าไม่รู้สึกอย่างนั้น คงจะไม่รู้ว่า ขณะนั้นเป็นอกุศล เพราะเหตุว่า ตัตตรมัชฌัตตตา (สภาพที่เป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยอกุศล) ไม่เกิด ไม่เป็นผู้ตรงที่จะรู้ว่า เพราะอะไรจึงไม่ยินดีด้วยในความสุขหรือในสมบัติของคนอื่น
# มุทิตาพรหมวิหาร (ความพลอยยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นได้ดี) นั้น เป็นสภาพธรรมที่ระงับความไม่พอใจ และเป็นธรรมเป็นเครื่องสละออกซึ่งความริษยา ผู้ที่ไม่ใช่พระโสดาบัน ยังไม่ได้ดับอิสสาเจตสิก (ความริษยา) ซึ่งเป็นอกุศลเจตสิก บางคนอาจจะมีมาก บ่อย แต่ว่าบางคนอาจจะเป็นผู้มีความเมตตากรุณา เพราะฉะนั้น ลักษณะของความอิสสาในความสุขของคนอื่นก็ไม่มี แต่ว่าเมื่อยังไม่ใช่เป็นพระโสดาบันบุคคล ก็ยังไม่ได้ดับอิสสาเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)
# แม้จะมีอกุศลมาก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ถ้าเห็นประโยชน์
# บังคับไม่ให้เห็นเกิด บังคับไม่ให้เห็นดับ ได้ไหม? ไม่ได้ นี้แหละ คือ ความเป็นอนัตตาของธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
# จากฝั่งที่ไม่รู้ ไปสู่ฝั่งรู้ จะต้องอาจหาญมากสักแค่ไหน
# ปัญญา รู้ถูกเห็นถูก แต่อวิชชา ไม่รู้ความจริง
# เมตตา หวังดี ปรารถนาดีต่อลูก ถูกต้อง
# ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ หรือ เพื่อละกิเลส? เพื่อเข้าใจ
# กิเลสนั่นแหละ ทรงไว้ซึ่งทุกข์ ไม่ได้นำประโยชน์ใดๆ มาให้เลย.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๐
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
@ นี้ทุกข์ เดี๋ยวนี้ ค่ะ ใครจะพูดได้ไหมคะว่า นี้ทุกข์
@ ควรติดข้องในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป หรือเปล่าคะ
@ ก่อนนั้นทุกอย่างไม่มี แล้ว มี แล้วก็ดับหมดหายไป ควรยินดีติดข้องหรือเปล่า แต่ยังยินดีติดข้อง เพราะ ปัญญาไม่พอ
@ ธรรมไม่ใช่เรื่องที่จะทำ แต่เป็นเรื่องค่อยๆ เข้าใจ
@ เห็นก็เป็นทุกข์หรือเปล่า เกิดขึ้นและดับไป ไม่เหลือเลย เป็นทุกข์
@ พระพุทธเจ้าชี้หนทางออกจากทุกข์ ว่า ทุกข์คืออะไร
@ ขณะนี้กำลังฟังธรรม โสมนัสไหมที่ได้ยิน ได้ฟังธรรม
@ สำคัญ คือ เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง เพราะ กำลังมีสิ่งที่มีจริงทั้งหมด
@ หาทางอื่น หาวิธีช่วย ไม่ใช่ทาง เพราะ ธรรมเป็นอนัตตา
@ ถ้าไม่ใช่เรา ไม่ทุกข์
@ ทุกข์ก็เป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา เดือดร้อนอะไร
@ ในบรรดาสภาพธรรมทั้งหลาย ปัญญาประเสริฐสุด
@ ที่มูลนิธิฯ นี้มีต้นไม้ ดอกไม้สวยไหมคะ รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็น แค่นี้เองค่ะ กี่ภพ กี่ชาติ ก็ปรากฏให้เห็นแต่ความคิด ความจำ เรื่องราวของสิ่งที่เห็น มากมายเหลือเกิน เป็นยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นลาภ เป็นสรรเสริญสุข สารพัดอย่างที่ติดข้องจากสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นแก้วแหวนเงินทอง เพชร นิล จินดา สารพัดอย่าง
@ ปัญญากว่าจะแจ้ง ก็ช้ามาก อวิชชามีมากจนกระทั่ง ต้องค่อยๆ รู้ตามความเป็นจริง กำลังฟังแล้วมีสิ่งที่ปรากฏ เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตา ซ้ำไปซ้ำมา ในประไตรปิฎกก็ซ้ำ เพราะถ้าไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วจะรู้อะไร จะไปหาอะไรมารู้ก็เป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อมีสิ่งนี้กำลังปรากฏ แล้วไม่รู้ ก็ไม่สามารถที่จะละการยึดถือ การติดข้องในสิ่งที่ปรากฏได้ ด้วยเหตุนี้ต้องเป็นผู้ตรง สัจจบารมี ตรงต่อความจริงของสัจธรรม ตรงต่อความจริงว่าขณะนี้ เริ่มเข้าใจเรื่องราว แม้ฟังแล้วเข้าใจเล็กน้อย พอไม่ได้ยินได้ฟังก็ลืมเรื่อยๆ เพราะว่ามีปัจจัยของอกุศล แต่ก็ไม่ละวิริยะบารมี ความเพียรที่จะฟังต่อไปจนกว่าจะเข้าใจ จนกระทั่งประจักษ์แจ้งได้
@ ฟังเพื่อเข้าใจ หรือ ฟังเพื่อที่จะละกิเลส
@ ฟังแล้วมีกิเลส หรือ ฟังแล้วเข้าใจว่ามีกิเลสมากตามความเป็นจริง
@ รู้ว่ามีกิเลส ก็ฟังพระธรรมต่อไป นั่นคือ เพิ่มกุศล
ขออนุโมทนา ครับ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺสฺส ฯ
(ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น)
----------
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาใน "ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม" ของอาจารย์ทั้งสองท่าน
ขออนุญาตร่วม ปันธรรม ด้วย ครับ.
..............................
- เพียงได้ยินว่า "ขณะนี้เห็นอะไร? "...เป็นพหูสูตรหรือยัง? ทรงธรรมแล้วหรือยัง? ต้องเป็นความเข้าใจที่ชัดเจน มั่นคงจริงๆ ไม่ลืมว่า "ขณะนี้เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้" เท่านั้น
- ได้สดับว่า "นี้ทุกข์" ไม่พอ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ก็คิดเองตามที่เคยเข้าใจ
- เดี๋ยวนี้จะมีใครกล่าวว่า "นี้ทุกข์" ได้มั้ย? (ปัญญาระดับใดจึงจะกล่าวได้อย่างจริงใจ)
- "นี้ทุกข์" เพราะสติสัมปชัญญะเกิดขึ้น รู้ความเป็นธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไปว่าเป็นทุกข์
- "นี้ทุกข์" ไม่ใช่ "เราทุกข์"
- "สุขโสมนัสอยู่บนกองอุจจาระ" (อุปมา) หมายถึง โสมนัสที่ยังแปดเปื้อนด้วยอกุศล คือ ความติดข้อง เพราะความไม่รู้ ซึ่งแปดเปื้อนมาตลอด
- จะโสมนัสที่ได้รู้ความจริง หรือ เพลินไปเรื่อยๆ
- รู้อย่างนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ก็ต้องฟังต่อไป ให้เข้าใจขึ้นๆ
- ถ้าตอนนี้ตายไป ครอบครัวอยู่ไหน?
- "อยู่คนเดียว" เพราะปัญญารู้ความจริงว่า มีเพียงจิต กับ สิ่งที่ปรากฏ แม้ "เรา" ก็ไม่มี
- รู้ "ทุกข์" ก่อน แล้วจึงจะรู้ "สมุทัย"
- "ทำไมต้องเป็นอย่างนี้?" คำถามนี้ แสดงว่า ไม่ได้เข้าใจธรรม เพราะคิดว่าจะไม่ให้ธรรมเป็นอย่างนี้
- "เพราะรู้ธรรม จึงพร่ำเพียร เพิ่มกุศล" ...ฟังแล้ว ก็ฟังอีก เข้าใจอีก เพิ่มกุศลหรือเปล่า?
- ผู้มีปัญญา เข้าใจว่า "ขณะใดเป็นกุศล ขณะใดเป็นอกุศล" ขณะนั้นเป็นกุศลหรือเปล่า?
- แม้อกุศลเพียงเล็กน้อยก็เดือดร้อน ต้องอบรมปัญญาไปจนถึงความเป็นพระอรหันต์ จึงจะไม่เดือดร้อน เพราะไม่มีอกุศลให้เดือดร้อนอีก
- ถ้ายังมีกิเลสอยู่ เบียดเบียนตนหรือเปล่าในขณะที่กิเลสเกิดขึ้น? และการกระทำทางกาย ทางวาจา ที่เกิดขึ้นจากกิเลส เบียดเบียนผู้อื่นหรือเปล่า?
- เดือดร้อนเพราะความไม่รู้ และก็ไม่รู้ว่ากำลังเดือดร้อน แล้วจะรู้เมื่อไหร่ว่ากำลังเดือดร้อน เพราะไม่รู้?
- "สมุทัย" คือ ความติดข้องเพราะความไม่รู้ เป็นเหตุให้เกิด
- "ขณะนี้" ทุกอย่าง เป็น "อนัตตา"
- ในสิ่งที่ไม่มีแล้ว ก็ยังติดข้อง...เห็นความ "ไม่ฉลาด" หรือยัง?
- ระหว่าง "กุศล" กับ "อกุศล" อะไรดีกว่ากัน?
- "รูป" เกิดดับเร็วมาก แต่ถึงจะเร็วอย่างไร "อาสวะ" ก็เกิดแล้ว
- (ท่านอาจารย์ฯ ย้ำหลายครั้ง) แค่คำถามเดียว "เห็นอะไรคะ?" ทรงธรรมหรือยัง?
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ.
----------
.ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ.ผเดิม ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และอนุโมทนาในกุศลค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย
อ.เผดิม ยี่สมบุญ และ คุณธุลีพุทธบาท ด้วยครับ
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาค่ะ
การที่จะรู้จริงๆ ว่า สภาพธรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรา สภาพธรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรา ยากไหม ไม่ใช่เรา? เพราะไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละลักษณะ ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า เป็นธาตุแต่ละชนิด โลภเจตสิก สภาพที่ยินดี เพลิดเพลิน ต้องการ เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เป็นโลภธาตุ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขออนุโมทนาครับ
อยากเจริญเมตตาไหม หรืออยากจะท่อง วันหนึ่งท่องมาก แต่ว่าไม่เมตตาเลย หรือว่าไม่ต้องท่อง แต่คิดถึงใครก็คิดด้วยจิตที่เมตตา และก็คิดแต่ประโยชน์ที่จะเกื้อกูลบุคคลอื่น แล้วเวลาที่พบกัน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย มีปฏิสันถาร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยากไหม หรือไม่ยากเลย ง่ายมาก
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
อนุโมทนาค่ะ