การสนใจธรรมะ จำเป็นต้องสนใจเรียนพระอภิธรรมไหมคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การจะปฏิเสธ หรือ ยอมรับ ในสิ่งใด สิ่งหนึ่ง สำคัญ คือ จะต้องศึกษาอย่าง
ละเอียดรอบคอบ จึงจะปฏิเสธ หรือ ยอมรับได้ แม้แต่ มีคนกล่าวว่า 1+1 เป็น 2
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเรียนคณิตศาสตร์ ก็อาจจะไม่รู้ และ ไม่ควรยอมรับ หรือ
ปฏิเสธทันที ต่อเมื่อได้ศึกษาแล้ว จึงจะปฏิเสธ หรือ ยอมรับได้ แต่ สำหรับผู้ที่
ได้ศึกษาวิชา คณิตศาสตร์ ย่อมรู้ตามความเป็นจริงเช่นนั้นได้ ว่า 1+1 เป็น 2
การจะเข้าใจพระอภิธรรม ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน อันเป็นธรรม
ที่แสดงถึงความละเอียดลึกซึ้งของธรรม อย่างยิ่ง และ มีเหตุปัจจัยให้เกิดอย่าง
ลึกซึ้ง ปัญหา ไม่ได้อยู่ที่ว่า อภิธรรม จะเป็นคำกล่าวของสาวก หรือพระพุทธเจ้า
จึงไม่ศึกษา หรือ ปฏิเสธเพียงแค่นั้น เพราะตนเองยังไม่ศึกษาเหมือนอย่างว่า มี
คนบอกว่าวิชาคณิตศาสตร์ ที่จะต้องใช้ในการเรียน ตั้งแต่มัธยม มหาวิทยาลัย
และ สำหรับประกอบอาชีพ แต่ มีคนบอกว่า 1+1 เท่ากับ 2 ก็ไม่เชื่อ และคิดเอา
เองว่า คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ นักวิชาการคนนี้คิด หรือนักวิชาการอีกคนคิด ไม่รู้
ว่าเป็นคนไหน สรุป คือ เพราะไม่รู้ว่าเป็นคนไหนคิดจึงปฏิเสธทันทีว่า 1+1 เท่ากับ
2 ไม่จริง และ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ยังไม่ได้ศึกษาโดยละเอียดในวิชานั้น และเพียงไม่
รู้ว่าวิชาคณิตศาสตร์ ใครเป็นคนคิดขึ้น ก็เลยปฏิเสธและดูหมิ่น วิชาคณิตศาสตร์
จึงไม่ยอมศึกษา และ ดูหมิ่น ทั้งๆ ที่ตนเองยังไม่ได้ศึกษา ย่อมไม่สมควร ฉันใด
พระอภิธรรม หากผู้นั้นยังไม่ได้ศึกษา และไม่รู้ว่า เป็นคำสอนของสาวก หรือ
พระพุทธเจ้า เพราะ ไม่ได้เกิดจากการศึกษานั่นเอง จะปฏิเสธว่าพระอภิธรรม ไม่
จริง และ ดูหมิ่นจึงไม่ศึกษาสมควรหรือไม่ นั่นก็ไม่เป็นเหตุ เป็นผล
ดังนั้น พระอภิธรรม ควรค่าต่อการศึกษา แต่ ไม่ลืมว่า คนที่เห็นคุณค่า คือ คน
ที่สะสม ศรัทธา และ ปัญญามาในอดีต เพราะ พระธรรมไม่สาธารณะ กับ ทุกคน
จึงเป็นธรรมดาที่ความเห็นผิด ย่อมมีมากกว่า ความเห็นถูก ดังนั้น จึงไม่สามารถ
บังคับ จัดการ กับผู้ที่ไม่มีศรัทธา ในพระธรรมได้ เพราะ บุคคลเหล่านั้น ย่อมหา
เหตุผล ที่จะปฏิเสธ โดยที่ไม่ศึกษาก่อนเป็นธรรมดา จึงควรกลับมาที่ตนเองควร
จะศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะ พระธรรมทุกคำ มีค่า เพราะ ทำให้เกิด
ปัญญา อันเกิดจากการศึกษาด้วยตนเองเป็นสำคัญ ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงโดยละเอียด
สิ่งที่มีจริงนี้แหละเป็นพระอภิธรรม ละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งโดยความ
เป็นธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตน และมีจริงๆ ในขณะนี้และ
ทุกขณะด้วย พระอภิธรรม เป็นพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
แสดง ผู้ที่เป็นสาวกก็ต้องเป็นผู้ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
เมื่อเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว ก็กล่าวธรรมตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดง ไม่ผิดจากความเป็นจริง
แต่ละคนก็มีความประพฤติเป็นไปต่างกัน พระธรรม สำหรับผู้ที่สะสม
บุญมา เห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้วจึงได้ฟังได้ศึกษา และเป็น
เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้ฟังได้ศึกษา ดังนั้น เมื่อมีโอกาสที่สำคัญ
อย่างนี้แล้ว ไม่ควรล่วงเลยขณะอันมีค่า ควรที่จะได้ฟังได้ศึกษาด้วย
ความละเอียดรอบคอบต่อไป ความเข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้นที่จะป้องกัน
ไม่ให้ตกไปในฝ่ายผิด ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุญาตร่วมสนทนานะครับ
ก็เพราะเราๆ ท่านๆ ส่วนมากไม่เคยได้เข้าใจพระธรรม ไม่เคยได้ฟังพระธรรม และอาจ
จะไม่เคยรู้เลยว่า พระธรรมเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ ท่านทรงตรัสรู้ โดยประจักษ์แจ้งถึง
ลักษณะที่ปรากฎตามความเป็นจริง ถึงที่สุด รู้แจ้งแทงตลอด ทั้ง รูปธรรม นามธรรม
เหตุปัจจัยแห่งสภาพธรรมนั้นๆ นานแสนนานในวัฏสงสารจนหาจุดเริ่มต้นไม่เจอ และ
มองไปไม่เห็นที่สุด
แล้วทรงประกาศพระธรรมด้วยทรงอนุเคราะห์ต่อสัตว์ผู้มีปัญญา พระสงฆ์ก็สืบทอด
พระธรรมคำสอน มาจนถึงปัจุปัน
ถ้าใครไม่สนใจฟังพระธรรมกล่าวหมิ่นพระอภิธรรม ก็คงเป็นเรื่องโง่เขลาของผู้นั้นซึ่ง
เป็นไปตามการสะสมของตนก็ไม่มีทางจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตาย เกิด ได้เลย
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 149 ข้อความบางตอนจาก.. คณกโมคคัลลานสูตร[๑๐๓] พ. ดูก่อนพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล ในเมื่อนิพพาน ก็มีอยู่ ทางไปนิพพานก็มีอยู่ เราผู้ชักชวนก็มีอยู่ แต่ก็สาวกของเราอันเราโอวาทสั่งสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกเพียงส่วนน้อย สำเร็จนิพพานอันมีความสำเร็จล่วงส่วน บางพวกก็ไม่สำเร็จ ดูก่อนพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกหนทาง.
อ่านต่อที่ .... ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกหนทาง [คณกโมคคัลลานสูตร]
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ