ผู้ที่เป็นสาวกล้วนเป็นผู้ที่ฟังพระธรรม แล้วแต่บารมีว่าสามารถเข้าใจได้มากหรือน้อย ถ้าเข้าใจได้มากสัมมาสติก็เกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง
ฟังให้เข้าใจจริงๆ ว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะและเป็นอนัตตา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ หน้าที่ ๓๘๘
ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
แก่ผู้มีจิตไม่มั่นคง
ไม่รู้แจ้งซึ่งพระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสอันเลื่อนลอย
ธรรมมีอยู่แล้วทุกขณะ แต่ไม่รู้ เพราะว่าเราถูกอวิชชาปิดบังไม่ให้เห็นสภาพธรรม
ตามเป็นจริง เพราะฉะนั้นเราจึงต้องอบรมปัญญา คือ การฟังธรรมให้เข้าใจเพื่อละ
อวิชชาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรื่อง ชื่อว่าสาวกเพราะฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 281
ข้อความบางตอนจาก เรื่องพระวนวาสีติสสเถระ
บทว่า เอวเมต เป็นต้น ความว่า ภิกษุชื่อว่าเป็นสาวก
เพราะอรรถว่า เกิดในที่สุดแห่งการฟัง หรือเพราะอรรถว่า ฟังโอวาท
และอนุสาสนี ของท่านผู้ชื่อว่าพุทธะ เพราะอรรถว่า ตรัสรู้สังขตธรรม
และอสังขตธรรมทั้งหมด
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ