วิบากคือผลของกรรม กรรมเป็นเหตุมีทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม ผลของกรรมที่เป็น
วิบากจึงมีทั้งกุศลวิบากและอกุศลวิบาก แต่การจะกล่าวว่าเห็นอะไรบ้างเป็น กุศลวิบาก
หรือเห็นอะไรบ้างเป็นอกุศลวิบากไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการกำหนดว่ากุศลวิบาก อกุศล
วิบากไม่ได้อยู่ที่ความพอใจความชอบใจแต่อยู่ที่วิบากเป็นตัวกำหนดบางอย่างที่ชัดเจน
ก็พอจะอนุมานได้ว่าเป็นกุศลวิบากทางตา เช่น เห็นพระพุทธองค์ เห็นเทพทั้งหลาย
ส่วนอกุศลวิบากทางตา เช่นเห็นอุจจาระ เห็นสุนัขเน่า เป็นต้น แต่บางสิ่งที่ไม่ได้แสดง
ไว้ชัดเจนก็ยากที่จะตัดสินว่าเป็นอะไร คงไม่ใช่วิสัยของเราที่จะไปตัดสินในทุกสิ่งทุก
อย่างว่าเป็นอะไร อย่างตัวอย่างที่ท่านยกมาเรื่องการเห็นนก นกก็มีหลายประเภท นก
ที่สวยงามมากก็มี งามปานกลางก็มี งามเล็กน้อยก็มี และการเห็นสัตว์สิ่งของอื่นอีกมาก
มาย เป็นการยากที่ไปตัดสินและคงไม่มีข้อสิ้นสุดของปัญหา แต่การรู้ลักษณะของนาม-
ธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ย่อมมีที่สิ้นสุด คือการตรัสรู้อริยสัจ-
ธรรมเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานไม่ต้องกลับมาเห็น ได้ยินอีก
อ่านข้อความโดยตรงจากพระสูตร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 463
เชิญคลิกอ่านที่อิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์