พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒[เล่มที่ 7] - หน้า ๑๓๕
พระพุทธบัญญัติห้ามภัตตาหารบางชนิด
[๘๑] ก็โดยสมัยนั้นแล พระนครเวสาลีมีภิกษาหารมาก มีข้าวกล้างอกงาม บิณฑบาตก็หาง่าย ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการถือบาตรแสวงหาก็ทำได้ง่าย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด ทรงพระปริวิตกอย่างนี้ว่า ภัตตาหารที่เราอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคราวอัตคัดอาหาร มีข้าวกล้าน้อย บิณฑบาตได้ฝืดเคือง คือ
อาหารที่เก็บไว้ภายในที่อยู่ ๑
อาหารที่หุงต้มภายในที่อยู่ ๑
อาหารที่หุงต้มเอง ๑
อาหารที่จับต้องแล้วรับประเคนใหม่ ๑
อาหารที่ทายกนำมาจากที่นิมนต์นั้น ๑
อาหารที่รับประเคนฉันในปุเรภัต ๑
อาหารที่เกิดในป่าและเกิดในสระบัว ๑
ภัตตาหารเหล่านั้น ภิกษุทั้งหลายยังฉันอยู่ทุกวันนี้หรือหนอ
ครั้นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่ประทับพักเร้น แล้วรับสั่งถามพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ ภัตตาหารที่เราอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคราวอัตคัตอาหาร มีข้าวกล้าน้อย บิณฑบาตได้ฝืดเคือง คือ
อาหารที่เก็บไว้ภายในที่อยู่ ๑
อาหารที่หุงต้มภายในที่อยู่ ๑
อาหารที่หุงต้มเอง ๑
อาหารที่จับต้องแล้วรับประเคนใหม่ ๑
อาหารที่ทายกนำมาจากที่นิมนต์นั้น ๑
อาหารที่รับประเคนฉันในปุเรภัต ๑
อาหารที่เกิดในป่าและเกิดในสระบัว ๑
ภัตตาหารเหล่านั้น ภิกษุทั้งหลายยังฉันอยู่ทุกวันนี้หรือ
ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า ยังฉันอยู่พระพุทธเจ้าข้า
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภัตตาหารที่เราอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายเมื่อคราวอัตคัดอาหาร มีข้าวกล้าน้อย บิณฑบาตได้ฝืดเคือง คือ
อาหารที่เก็บไว้ภายในที่อยู่ ๑
อาหารที่หุงต้มภายในที่อยู่ ๑
อาหารที่หุงต้มเอง ๑
อาหารที่จับต้องแล้วรับประเคนใหม่ ๑
อาหารที่ทายกนำมาจากที่นิมนต์นั้น ๑
อาหารที่รับประเคนฉันในปุเรภัต ๑
อาหารที่เกิดในป่าและเกิดในสระบัว ๑
ภัตตาหารเหล่านั้น เราห้ามจำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น