หากบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่เมื่อแก่ชรา อายุมาก จะมีภาวะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ หลงลืม จนสามารถทำผิดพระวินัยได้หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ คือใคร? พระอรหันต์ เป็นผู้ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว จะมีจิตเพียง ๒ ชาติ คือ วิบาก กับ กิริยา เท่านั้น ไม่มีทั้งกุศลและอกุศล เกิดขึ้นอีกเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระอรหันต์ จะเป็นผู้มีความจำเสื่อมจนเป็นเหตุให้ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรต่างๆ แม้ว่าจะมีอายุมากแล้วก็ตาม เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความในพระไตรปิฎกได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ ครับ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พุทธบริษัท ไม่เป็นผู้มีความจำเสื่อม_มหาสีหนาทสูตร
ข้อที่น่าพิจารณาเพิ่มเติม คือ ยุคนี้มีพระอรหันต์หรือไม่? ยุคนี้ ไม่มีพระอรหันต์ในโลกมนุษย์ ดังนั้น ถ้าใครกล่าวว่า คนนั้น เป็นพระอรหันต์ พระรูปนี้ เป็นพระอรหันต์ นั่นคือ ไม่จริง เป็นการหลอกลวงทั้งหมด ยุคนี้ เป็นพันปีที่ ๓ ถ้าจะมีพระอริยบุคคลก็สูงสุดเพียงแค่พระอนาคามีเท่านั้น ไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะเหตุว่า ความเสื่อมค่อยๆ มีไปตามลำดับจริงๆ บุคคลผู้ที่สนใจที่จะเข้าใจความจริง มีน้อย ตามข้อความในมโนรถปูรณี อรรถกถา อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต โคตมีสูตร [[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้า ๕๕๔] ดังนี้
ก็คำว่า วสฺสสหสฺส นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเท่านั้น แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสกะ ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระอนาคามี ๑,๐๐๐ โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระโสดาบันปฏิเวธสัทธรรมถูกดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปี โดยอาการดังกล่าวมานี้ แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน
การถึงความเป็นพระอริยบุคคล ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาจนถึงความสมบูรณ์พร้อม เท่านั้น ซึ่งจะต้องได้เคยสะสมมาแล้วนานแสนนาน และถ้าหากไม่ได้ดำเนินในหนทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีทางถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย และข้อที่น่าพิจารณา คือ สำหรับภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระวินัย เช่น รับเงินทองเป็นต้น เป็นผู้มีอาบัติติดตัว เมื่อเป็นภิกษุผู้มีอาบัติติดตัวแล้วยังไม่แก้ไข ให้ตนเองพ้นจากอาบัตินั้น นั่น ไม่มีทางถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย เพราะเป็นผู้มีอาบัติเป็นเครื่องกั้นการบรรลุมรรคผลนิพพาน และถ้าหากว่าไม่แก้ไขให้ถูกต้อง มีอาบัติติดตัว แล้วยังปฏิญาณตนว่าเป็นภิกษุอยู่ ถ้ามรณภาพไป (ตาย) ชาติถัดไปต่อจากชาตินี้ ก็ไปเกิดในอบายภูมิเท่านั้น น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น เมื่อพระธรรม ยังดำรงอยู่ สืบทอดมาถึงยุคนี้สมัยนี้ แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่น ก็ควรที่จะได้ตั้งต้นฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง เป็นปัญญาของตนเอง เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดของคนอื่นซึ่งไม่เป็นเหตุไม่เป็นผล และเพราะมีความเข้าใจที่ถูกต้องนี้เอง ก็สามารถเกื้อกูล กล่าวความจริงเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้อีกด้วย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
เมื่อได้ฟังคำจริง บรรเทาความสงสัย ความเห็นตรง จิตผ่องใส มั่นคงในคำจริง ฟังต่อไป
อนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุญาตเผยแพร่ข้อความของอาจารย์นะคะ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 6 โดย กมลพร
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุญาตเผยแพร่ข้อความของอาจารย์นะคะ
ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ พระธรรมยิ่งเปิดเผย ยิ่งรุ่งเรือง ครับ
ขออนุโมทนาครับ
กราบสาธุค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณในความรู้ เป็นประโยชน์มากๆ เลยค่ะ เข้าใจกระจ่างชัด และยังทำให้เข้าใจอีกว่า พระธรรมสำคัญต่อชีวิตนี้ ควรศึกษาให้มากค่ะ
สาธุครับ