สำหรับกามาสวะ ความยินดี ความหลง ความไหลไปตามอารมณ์ที่เป็นรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น ใน ปปัญจสูทนี ซึ่งเป็น อรรถกถาของ มัชฌิมนิกาย แสดงการอุปมาว่า
อุปมาเหมือนกับมีดหั่นเนื้อและเขียง คนวางเนื้อบนเขียง แล้วสับด้วยมีดฉันใด สัตว์ทั้งหลายก็ถูกกิเลสกามเบียดเบียนอยู่ เพราะต้องการวัตถุกาม ชื่อว่า ถูกสับโขกด้วยกิเลสกามบนวัตถุกาม เพราะเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคจึงตรัสให้ละฉันทราคะในกามคุณ ๕
เมื่อมีกามราคะ ความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเกิดขึ้น สิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏแล้วเพราะมีเหตุปัจจัย สติก็ระลึกรู้ เป็นจิตตานุปัสสนา เป็นปกติธรรมดา
ถ้ายิ่งศึกษาธรรมโดยละเอียด ท่านก็จะยิ่งเข้าใจชัดเจนขึ้นถึงการละกิเลสว่า ควรจะเจริญอย่างไร ไม่ใช่ไปบังคับ ไม่ใช่ไปฝืน เพราะเหตุว่ากามราคะ หรือกามาสวะนั้นจะหมดสิ้นไปได้ก็ต่อเมื่อบรรลุอริยสัจธรรมเป็นพระอนาคามี ถ้าเป็นพระโสดาบันบุคคล หรือพระสกทาคามีบุคคล ก็ยังมีกามาสวะ แต่ไม่มีทิฏฐาสวะ นี่ก็เป็นสิ่งที่ควรจะเข้าใจด้วย
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 133