พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ตอน ๑-หน้าที่ 123
ชนทั้งสองมีมาณพเป็นบริวารคนละ ๕๐๐. ก็ในกรุงราชคฤห์มีมหรสพบนยอดเขาทุกๆ ปี. หมู่ญาติได้ยกเตียงซ้อนกันเพื่อกุมารทั้งสองนั้นในทีเดียวกันนั่นเอง. แม้กุมารทั้งสองก็นั่งดูมหรสพร่วมกัน ย่อมหัวเราะในฐานะควรหัวเราะ ย่อมถึงความสังเวชในฐานะที่ควรสังเวชนั่งอยู่แล้ว.
ลำดับนั้น โกลิตะพูดกะอุปติสสะว่า "อุปติสสะผู้สหายไฉน? ท่านจึงไม่หัวเราะรื่นเริงเหมือนในวันอื่นๆ , วันนี้ ท่านมีใจไม่เบิกบาน ท่านกำหนดอะไรได้หรือ?" อุปติสสะนั้นกล่าวว่า "โกลิตะผู้สหาย เรานั่งคิดถึงเหตุนี้ว่า 'ในการดูคนเหล่านี้ หาสาระมิได้, การดูนี้ไม่มีประโยชน์, เราควรแสวงหาโมกขธรรมเพื่อตน,' ก็ท่านเล่า เพราะเหตุไร? จึงไม่เบิกบาน." แม้โกลิตะนั้น ก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน.
ลำดับนั้น อุปติสสะทราบความที่โกลิตะนั้นมีอัธยาศัยเช่นเดียวกันกับตน จึงกล่าวว่า "สหายเอ๋ย เราทั้งสองคิดกันดีแล้ว, ก็เราควรแสวงหาโมกขธรรม, ธรรมดาผู้แสวงหา ต้องได้บรรพชาชนิดหนึ่งจึงควร, เราทั้งสองจะบรรพชาในสำนักใครเล่า?" ฯลฯ