ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญของการสนทนาธรรม
ที่บริษัท สยามแฮนด์ส จ.นครปฐม
วันพุธที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐
---------------------
~ แม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ๒,๕๐๐ กว่าปี แต่เราก็ยังมีโอกาสที่จะได้ฟังคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควรเคารพอย่างยิ่ง คนอื่นไม่สามารถที่จะรู้ความจริงอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้
~ เดี๋ยวนี้ มีธรรม เดี๋ยวนี้ เป็นธรรม ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ ใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมีจริงๆ เห็นมีจริง ได้ยินมีจริง สบายใจมีจริง เป็นต้น
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เราจะได้ฟัง เป็นคำที่พระองค์ไม่ได้ตรัสให้เชื่อ แต่ให้พิสูจน์ ให้ไตร่ตรอง ให้เข้าใจแต่ละคำ
~ พระรัตนตรัยมี ๓ คือ พระพุทธรัตนะ พระธัมมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ รัตนะหมายความถึงสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมก็เห็นว่าอย่างอื่นมีค่ากว่า เช่น ลาภ ยศ ทรัพย์สิน เงินทอง
~ ควรที่จะได้เข้าใจในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงหรือไม่?
~ พระภิกษุที่ครองจีวร บวชตามพระธรรมวินัย แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาไม่ได้เข้าใจธรรม ก็ไม่ใช่สังฆรัตนะ เพราะสังฆรัตนะ หมายถึงพระอริยบุคคลผู้เป็นพระอริยสาวกของพระสัมพุทธเจ้า เท่านั้น
~ ทุกคนเกิดแล้วต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน เร็วหรือช้า วันนี้ก็ได้ เดี๋ยวนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ ไม่มีใครรู้ จะเอาอะไรติดตามไป? เอาความไม่รู้ตลอดชีวิตซึ่งไม่เคยรู้ติดตามไป หรือว่า มีสิ่งซึ่งเมื่อเกิดมาแล้วยังได้รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมี
ด้วยเหตุนี้ การฟังธรรมต้องเป็นผู้ที่อดทน
~ ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่มีอะไรที่เป็นของของเรา เพราะเป็นแต่เพียงธรรมแต่ละหนึ่งซึ่งเกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลย
~ ต้องมีความเข้าใจที่มั่นคงตั้งแต่ต้นว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมแล้วจะเป็นเราได้ไหม เป็นคนโน้นคนนี้ได้ไหม? ไม่ได้เลย
~ ความไม่เที่ยง ไม่น่าพอใจ เพราะว่าไม่มีแล้วก็เกิดมี แล้วก็ไม่มี จะน่าพอใจได้อย่างไร ใครจะไปหยุดยั้งให้มีต่อไปก็ไม่ได้ เพราะว่าเกิดแล้ว จากไม่มีก็มีแล้วก็หามีไม่ ทุกขณะ
~ อย่างน้อยเกิดมาแล้ว ได้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องเข้าใจก่อนอื่นเลยว่า ธรรมคืออะไร (ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ ) ถ้าไม่ฟังคำนี้ให้เข้าใจก่อน จะฟังอย่างอื่นต่อไป ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้
~ ผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงเหตุ คือ ความเห็นถูกต้องว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น คนนั้นมีความเข้าใจถูกเป็นของตนเอง ซึ่งความเข้าใจถูกเป็นปัญญา มีปัญญาที่จะรู้ว่า อะไรคืออะไร เมื่อนั้น ชีวิตก็จะดำเนินไปด้วยปัญญา คือ สามารถที่จะรู้ว่าทางที่ถูก ทางที่ดี เป็นอย่างไร
~ ความเห็นถูก ก็ต้องเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย แต่ต้องมีการเริ่มต้น
~ พึ่งพระธรรมได้ โดยการฟังพระธรรมเพิ่มขึ้น ค่อยๆ เข้าใจเพิ่มขึ้น แล้วก็จะค่อยๆ พ้นจากทุกข์
~ ทุกขณะ ไม่มีอะไรยั่งยืนเลย ตั้งแต่เกิดจนตาย
~ ชาวพุทธไม่ใช่ผู้ไม่รู้ แต่เป็นผู้รู้ รู้อะไร? รู้ในคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
~ ถ้าเขามาถามเราว่า คุณเป็นชาวพุทธ แล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร? ตอบเขาไม่ได้ แล้วเราเป็นชาวพุทธหรือเปล่า?
~ เกิดมาแล้วสิ่งที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจธรรม จะจากโลกนี้ไป จะเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปด้วยไม่ได้ เพื่อนฝูงก็เอาไปไม่ได้ ครอบครัวก็เอาไปไม่ได้ ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ แม้ร่างกายที่กำลังนั่งอยู่ที่คิดว่าเป็นเรา ก็เอาไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่เอาไปได้ คือ การสะสมในจิตแต่ละขณะ ที่ดี ชั่ว ไม่ได้หายไปไหนเลย
~ ปัญญาความเข้าใจถูก เห็นถูก จะนำไปสู่ความเข้าใจยิ่งขึ้น แล้วจะได้เข้าใจและรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น เมื่อนั้นก็เป็นชาวพุทธ
~ ถ้าวันนี้ไม่ฟังพระธรรมให้เข้าใจ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาให้เจริญขึ้น
~ ความไม่รู้ ทำให้มีการหลงผิดมากมาย
~ จิตเป็นสภาพรู้ เกิดประกอบกับเจตสิก (ธรรมที่เกิดกับจิต) ที่ดี ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต แต่ถ้ามีอกุศลเจตสิกเกิดกับจิต จิตนั้น ก็เป็นอกุศลจิต ไม่มีเราเลย
~ รูป เป็นกุศลไม่ได้ เป็นอกุศลไม่ได้ รูปทุกประเภท เป็นอัพยากตธรรม (ธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและไม่ใช่ทั้งอกุศล)
~ โกรธ เป็นสังขารขันธ์ (สภาพธรรมที่เกิดขึ้นปรุงแต่งจิต) ปรุงแต่งไหม? จากปกติ พอโกรธขึ้นมาปรุงแต่งไหม? สีหน้า คำพูด วาจาตั้งแต่ไม่น่าจะพูดเลย จนกระทั่งถึงการประทุษร้ายกันได้ นี่ก็เพราะสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่ง
~ ความเข้าใจถูกเห็นถูกมาจากไหน? มาจากมรดกที่ได้รับจากคำสอนแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เกิดสิ่งที่ไม่เคยเกิดในสังสารวัฏฏ์ (คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก)
~ ธรรมคือสิ่งที่มีจริงๆ , ที่ว่า คนเกิด สัตว์เกิด นั้น อะไรเกิด? ธรรมเกิด แล้วธรรมอะไรเกิด ก็คือ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบกับจิต) และ รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร) เกิด นั่นเอง
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจว่า บุญคือการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และขัดเกลากิเลสของตนเอง ก็ไปทำสิ่งที่ไม่ใช่บุญ แต่หลงเข้าใจว่าเป็นบุญ
~ ไม่โกรธ เป็นบุญไหม? แค่นี้ก็ต้องรู้ว่า บุญคือขณะที่จิตไม่ประกอบด้วยอกุศลเจตสิก นั่นเอง
~ ไม่โกรธใครก็เป็นบุญ ไม่ริษยาใครก็เป็นบุญ ไม่กลั่นแกล้งใครก็เป็นบุญ อภัยให้ใครก็เป็นบุญ
~ ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีกว่าจะมีแต่ละคำให้เราได้เข้าใจ เพื่อตัวเราที่จะไม่เป็นอกุศล ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงสารพัดอย่างตั้งแต่เล็กน้อยที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด (การฟังพระธรรม) ก็เป็นบุญ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ความดี ถ้าเข้าใจ เมื่อไหร่ก็เกิดได้ คิดดีกับคนอื่นได้ไหม? แค่นั้นก็เป็นบุญ ไม่ใช่คิดร้ายกับคนอื่น
~ พูดดี เป็นบุญไหม? จากเคยนิสัยที่พูดไม่ดี พอเห็นโทษของการพูดไม่ดี (ขณะที่พูดไม่ดี เป็นอกุศล ซึ่งทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย) ขณะที่ไม่พูดคำที่ไม่ดี ก็เป็นบุญ
~ บุญไม่ยากเลย ไม่ต้องไปหาเงินทองอะไรมาก็สามารถที่จะทำได้ โดยเฉพาะความเข้าใจธรรม ยากที่จะเข้าใจ แต่ประโยชน์มหาศาล.
ขอเชิญคลิกฟังบางช่วงบางตอนของการสนทนาได้ที่นี่ครับ
ความดี ถ้าเข้าใจเมื่อไหร่ก็เกิดได้
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ธัมมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้รู้ถูก เข้าใจถูก
อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ทุกขณะ ไม่มีอะไรยั่งยืนเลย
ตั้งแต่เกิดจนตาย
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
~ พูดดี เป็นบุญไหม? จากเคยนิสัยที่พูดไม่ดี พอเห็นโทษของการพูดไม่ดี (ขณะที่พูดไม่ดี เป็นอกุศล ซึ่งทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย) ขณะที่ไม่พูดคำที่ไม่ดี ก็เป็นบุญ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀ ❀
อนุโมทนาสาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ