เรียนถามอาจารย์ มศพ.
อริยสัจจ์ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ผมทราบมาว่า สมุทัย หรือเหตุแห่งทุกข์ คือ โลภะ แล้วรวม อวิชชาเป็นเหตุแห่งทุกข์ด้วยหรือไม่ครับ หรือ อวิชชา คือทุกขอริยสัจจะ ครับ.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อริยสัจจ์ ๔ เป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง อริยสัจจ์ ๔ เป็นธรรมที่มีจริงที่ทำให้ผู้รู้แจ้งถึงความเป็นพระอริยะ ห่างไกลจากข้าศึกคือกิเลสตามลำดับขั้น เป็นสัจจะของพระอริยเจ้าทั้งหลาย เป็นสัจจะ ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายตรัสรู้แล้ว ว่าโดยประเภทแล้ว มี ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค
ทุกข์ หมายถึงสภาพธรรมที่เกิดดับ เกิดแล้วย่อมดับไป เป็นไปกับด้วยสังสารวัฏฏ์ เป็นไปในฝ่ายเกิด ซึ่งก็คือ สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก และ รูปเลย ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เมื่อเกิดแล้วก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ต้องมีความดับไปเป็นธรรมดา โดยสภาพธรรมที่เป็นทุกขสัจจ์ ได้แก่ จิต ๘๑ เจตสิก ๕๑ รูป ๒๘
สมุทัย เป็นเหตุแห่งทุกข์ ที่มีสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ ก็เพราะตัณหาหรือโลภะ ที่เป็นสภาพที่ติดข้องยินดีพอใจเพลิดเพลิน ตราบใดที่ยังมีตัณหา ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ มีการเกิดการตายอย่างไม่จบสิ้น
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๙๘
เว้นจากตัณหานั้นแล้ว ทุกข์ย่อมไม่มีแต่เหตุอื่น
และทุกข์นั้นย่อมไม่มีจากตัณหานั้น ก็หาไม่
เพราะฉะนั้น ตัณหาตัวซัดส่ายไปในอารมณ์ต่างๆ นั้น
บัณฑิตจึงรู้ว่าเป็นสัจจะ โดยกำหนดอรรถว่าเป็นเหตุแห่งทุกข์
นิโรธ เป็นความดับทุกข์ ดับกิเลส ได้แก่ พระนิพพาน ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด เป็นธรรมที่ตรงกันข้ามกับกิเลส ตรงกันข้ามกับสังสารวัฏฏ์อย่างสิ้นเชิง ผู้ที่จะประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ต้องเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้น
มรรค เป็นหนทางอันประเสริฐที่จะดำเนินไปถึงซึ่งความดับทุกข์ ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้อง เป็นต้น
นี้คือ อริยสัจจ์ทั้ง ๔ ดังนั้น จากประเด็นคำถาม ก็พิจารณาได้ว่า โลภะ เป็นเหตุแห่งทุกข์ (ทุกขสมุทัย) เพราะแสดงถึงเหตุแห่งทุกข์ตรงๆ เลย ว่า เพราะมีตัณหา ก็มีทุกข์ อันนี้ชัดเจนที่สุด สำหรับ อวิชชา เป็นทุกขสัจจ์ ซึ่งถ้ามีความเข้าใจก็พิจารณาได้ว่า ในขณะที่โลภะเกิดก็ไม่ได้ปราศจากอวิชชา และกิเลสประการอื่นๆ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน จึงทรงแสดงว่า อวิชชา เป็นมูลรากของกิเลสทั้งหลาย เป็นเหตุให้กิเลสทั้งหลายเกิดขึ้น ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
เทศนาโดยลำดับแห่งอริยสัจจ์ ๔
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ทั้ง อวิชชา โลภะ และกิเลสประการต่างๆ เกี่ยวข้องกัน เป็นอย่างนี้เอง...
อวิชชา เป็นทุกขสัจจ์ โลภะ เป็นสมุทัยคือเหตุแห่งทุกข์ แต่ในขณะที่โลภะเกิดขึ้น ก็ไม่ปราศจากอวิชชา และกิเลสประการต่างๆ ที่เกิดพร้อมกัน เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน จึงทรงแสดงว่า อวิชชา เป็นมูลรากของกิเลสทั้งหลาย เป็นเหตุให้กิเลสทั้งหลายเกิดขึ้น....
เว้นจากตัณหานั้นแล้ว ทุกข์ย่อมไม่มีแต่เหตุอื่น
และทุกข์นั้นย่อมไม่มีจากตัณหานั้น ก็หาไม่.
อวิชชา เป็นมูลรากของกิเลสของสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งหยั่งลึกมากเหลือเกิน หาเบื้องต้นไม่ได้...ขอบพระคุณและยินดีในกุศล ของอาจารย์คำปั่น ที่เกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น (ทีละเล็กทีละน้อย ตามกำลังของผม) ครับ.
ขอบพระคุณ และยินดีในความดีของ อ.คำปั่น และทุกท่าน ค่ะ
เรียน อาจารย์ [ความคิดเห็นที่ 1] ครับ
ขออนุญาตถามเพิ่มเติมว่า อวิชชา ควรเป็น สมุทัย หรือไม่ครับ
ตามพระไตรปิฎก [เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 988 มีข้อความว่า อวิชฺชา สมุทยาอาสวสมุทโย
ขอขอบพระคุณ
เรียน ความคิดเห็นที่ ๔ ครับ
ธรรมละเอียดมากๆ เลยนะครับ แม้คำว่า สมุทัย ก็ละเอียด โดยนัยที่กล่าวถึงอวิชชา นั้น จะแสดงว่า อวิชชา เป็นเหตุเกิดแห่งกิเลสหรือกุศลธรรมทั้งหลาย อย่างข้อความที่ท่านผู้ถามยกมา ก็คือ อาสวะ ทั้งหลาย เกิด เพราะอวิชชา เพราะมีอวิชชาเป็นเหตุให้เกิดนั่นเอง ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ