ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเข้าใจธรรมะจะเพิ่มขึ้นได้ด้วยความตรงตามความจริง ด้วยความอดทนที่ต้องอบรมนาน ด้วยความละเอียดในการไตร่ตรองตั้งแต่ขั้นการฟัง
สิ่งที่เกิดแล้วดับแล้วไม่เหลือไม่กลับมาอีกเลย กว่าจะมองเห็นภัย ไม่ใช่ให้เราไปทำอย่างอื่นเลย ฟังสิ่งที่ได้ฟังมาแล้วเหมือนซ้ำ แต่ความเข้าใจเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? ถ้าเหมือนซ้ำแต่ความเข้าใจไม่เพิ่มขึ้น ก็แสดงว่าอวิชชาก็ยังมากเหลือเกิน ซ้ำถึงปานนี้ความเข้าใจก็ยังไม่เพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีความอดทนขันติ สิ่งนี้ต้องรู้ได้แต่ไม่ใช่ด้วยเรา แต่ด้วยการที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นและการที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ใครจะรู้ว่าเข้าใจถึงระดับไหน จากการฟังเรื่องราวเข้าใจ
ขณะนี้เห็นมี เห็นเกิด เห็นดับ ไม่ใช่ได้ยิน ดับแล้วสูญไป แค่นี้กว่าจะถึงความหน่าย ความคลาย เห็นภัยของการเกิดว่าเกิดทำไม เกิดแล้วดับเกิดทำไม ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นปรากฏสั้นมาก จนกว่าความเข้าใจของเราจะค่อยๆ มั่นคงขึ้นจากการที่ฟังเข้าใจขึ้นๆ ไม่ใช่ต้องไปทำอะไรเลย แล้วก็จะรู้เองเพราะ ปัญญาเกิดเมื่อไหร่ ปัญญารู้เมื่อนั้น ไม่ใช่เรารู้
เพราะฉะนั้น รู้เองคือปัญญาได้สะสมจนกระทั่งถึงเวลาถึงกาลที่จะเข้าถึงหรือเข้าใจความจริงของสภาพธรรมะทีละเล็กทีละน้อย
ฟังไปเถอะ ฟังอีกก็ได้ๆ จนกว่าจะค่อยๆ ... ขณะนั้นสังขารขันธ์ไม่ใช่เราเลยปรุงแต่งจนสามารถที่จะเข้าใจธาตุรู้ เวลานี้เราได้ยินเพียงว่าเห็นเพราะเห็นกำลังเห็นสิ่งที่ปรากฏ แต่ลักษณะของเห็นคือธาตุรู้ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏให้เห็น สองอย่างนี้ต่างกันแล้วเพราะฉะนั้นปัญญาที่จะต้องอบรมเจริญขึ้นอีกมากไหม ... อีกนานไหม คำว่าบารมีหมายความว่าอะไร ถ้ากุศลไม่เกิดอกุศลก็เกิด และเมื่ออกุศลเกิดเพิ่มขึ้นๆ มากขึ้นแล้วปัญญาที่จะเข้าใจถูกจะเกิดได้บ่อยได้มากได้อย่างไร?! เพราะเหตุว่าอกุศลทั้งหมดเพราะมีความไม่รู้ แต่จากการฟังค่อยๆ เข้าใจเป็นปกติอย่างนี้ปัญญาก็อบรมไปไม่ใช่เรา ไม่ต้องไปทำอะไรสังขารขันธ์ ... ต้องไม่ลืม เว้นสภาพของความรู้สึกคือเวทนาเจตสิก เว้นสภาพที่จำคือสัญญาเจตสิก ที่เหลือทั้งหมดใครทำอะไรไม่ได้เลยเป็นหน้าที่ของเจตสิกทั้งหมด 50 ประเภท แล้วแต่ว่าประเภทไหนจะเกิดเมื่อไหร่ ถ้าเป็นฝ่ายโสภณฝ่ายที่ดีงามก็ค่อยๆ เป็นไปในการสละ ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจเห็นซึ่งเกิดและดับ และสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นไม่มีใคร ... อย่าลืมไม่มีใคร ทุกอย่างเป็นแต่เพียงสิ่งที่มีแต่เพียงลักษณะที่เกิดขึ้นและดับไป จนกว่าไม่มีอะไรเลย มีธรรมะแต่ละหนึ่ง กว่าปัญญาจะเข้าถึงการที่จะรู้ความจริง การที่จะละคลายความติดข้อง การที่จะละกิเลสได้ต้องมาจากความเข้าใจที่มั่นคงขึ้น
ความเข้าใจระดับไหนกว่าจะไปถึงอีกระดับนึง ไม่ใช่ให้ใครมาแนะนำหรือหาวิธี แต่รู้ว่าต้อง อดทน และต้องเสียสละ ต้องเป็นผู้ที่ ละเอียด ถ้าไม่ละเอียดไม่มีทางเลยที่จะฟังแล้วเข้าใจว่าเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วดับ แต่ว่าเมื่อเห็นแล้วสภาพที่เกิดต่อไม่เห็น แต่รู้สิ่งเดียวกัน แค่นี้ก็ต่างกันแล้วระหว่างเห็นจริงๆ กับเห็นในฝัน คือไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา เพราะฉะนั้นเวลาที่เห็นเกิดขึ้นเห็นและดับ จิตที่เกิดต่อก็เหมือนในฝันคือรู้สิ่งเดียวกับสิ่งที่เหมือนเห็นแต่ไม่ได้เห็น ... แล้วจะมีใครที่ไหน?! ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ด้วยเหตุนี้การฟังธรรมะไม่ได้เลือกว่าจะฟังอะไรตอนไหน เพราะถึงแม้ว่าจะศึกษาอภิธรรมถสังคหเก้าปริเฉทก็ยังเหมือนเดิมคือจำได้แต่ชื่อ ... รู้แต่ชื่อ และบางทีก็หลงๆ ลืมๆ
ไม่ใช่ต้องไปทำอย่างอื่นเลย แต่ละเอียดที่จะฟัง ไตร่ตรองแล้วก็พิจารณา แล้วรู้ว่าค่อยๆ เข้าใจขึ้น ... ขณะที่เข้าใจไม่ได้มีความต้องการที่จะไปถึงไหน เพราะเข้าใจถูกต้องว่าขณะนั้นไม่มีเรา เพราะฉะนั้นก็ไม่มีการที่จะไปแสวงหาหนทางที่ว่าแล้วจะทำยังไงถึงจะรู้ความจริงที่ไม่ใช่ความเข้าใจ เพราะฉะนั้นต้องมั่นคง เข้าใจอีกชื่อหนึ่งก็คือปัญญาที่ผ่านมาแล้วหมดทุกชาติ ... เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ปรากฏหรือเปล่า? ขณะที่ฟังความเข้าใจค่อยๆ รู้ความจริงว่าถึงระดับไหน
ตรง คือ ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน เพราะฉะนั้นเห็นไม่เป็นเรา ได้ยินไม่เป็นเรานั่นคือตรง
อดทน คือ รู้ได้วันนี้ไหม? ฟังแค่เข้าใจแต่การที่จะรู้ตรงสภาพธรรมะนั้นก็ค่อยๆ สะสมไป ถ้าไม่มีคำของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ละเอียดยิ่งโดยประการทั้งปวงถึงที่สุด สัตว์โลกไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมะถูกต้องได้!! เริ่มอดทนตั้งแต่จุดไหน? อดทนว่าเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้ ได้แต่ฟัง จำ เข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นแน่นอน แต่ก็ยังเป็นคน เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้เพราะว่าความจริงยังไม่ปรากฏ ... ความจริงอย่างนี้ไม่ปรากฏกับอวิชชาแน่นอน แต่จะปรากฏเฉพาะกับปัญญาที่อบรมเพราะได้ละคลายความติดข้องที่เคยติดข้องยึดถือสิ่งที่ปรากฏไว้แน่นหนามากโดยรูปร่างสัณฐานว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แม้ได้ฟังอย่างนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะสามารถที่จะละคลายความที่สิ่งที่ปรากฏเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้
ละเอียด คือ ถ้าไม่พูดถึงฝันกับเดี๋ยวนี้จะรู้ไหมว่าขณะนี้ที่ไม่ใช่ฝันเพราะมีสิ่งที่ปรากฏกับจิตเห็น ในฝันก็เห็น เดี๋ยวนี้ก็เห็น แต่ฝันเห็นเป็นคน เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ เดี๋ยวนี้ก็เห็นเป็นคน เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ แต่มาจากสภาพที่ปรากฏด้วย มีสภาพที่ปรากฏให้เห็นจริงๆ แล้วก็คิดตามสิ่งที่ปรากฏ แต่ในฝันจำหมดแม้ไม่เห็น เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ก็เพราะจำสิ่งที่ปรากฏให้เห็น จำรูปร่างสัณฐาน ไม่มีเราต้องไปนั่งจำ สภาพธรรมะทำหน้าที่หมดจนกระทั่งเป็นใครต่อใครอยู่ที่นี่ ... ทั้งหมดเป็นธรรมะ ... จึงต้องเป็นผู้ที่ละเอียดที่จะรู้ว่ายังไม่ตื่นจากความไม่รู้
" ตรง อดทน ละเอียด "
เนื้อหาในการดำเนินรายการสนทนาธรรมกับคณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐-๑๑.๓๐ น.
สามารถรับฟังได้ทาง : youtu.be/k-gvv3A5O1k?si=x9uIMKHOke-8uaz7
ดำเนินรายการโดยอาจารย์วิชัย เฟื่องฟูนวกิจ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ความเป็นผู้ตรง คือละความคด ละความโง่ ซึ่งข้อความในพระไตรปิฎกก็แสดงให้เห็นว่า ความเป็นผู้ตรงเป็นปฏิปักษ์คือตรงกันข้ามกันกับอกุศลทั้งหลายมีมายา สาไถยเป็นต้น
ต้องตรงทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ละความคดทางกาย ทางวาจาและทางใจ เป็นความเป็นไปของธรรมะที่ดีงามซึ่งตรงข้ามกับอกุศลทั้งหลาย
การอบรมเจริญปัญญาต้องเป็นผู้ตรงตั้งแต่ต้น ต้องเป็นเรื่องของความเข้าใจจริงๆ ต้องตรงว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เรา เป็นสัจจบารมี
การฟังธรรมะเป็นความดี ทำให้เป็นผู้ตรงขึ้นๆ ในสภาพธรรมะว่าไม่ใช่เรา
ความอดทนด้วยกุศล เพราะความเป็นผู้ตรงตั้งแต่ต้นต้องเข้าใจว่า กว่าจะมีปัญญาสะสมทีละเล็กทีละน้อยอดทนไหมที่จะฟังให้เข้าใจ อดทนที่จะมีความอดทนขึ้นในแต่ละระดับ ตั้งแต่ความอดทนที่จะไม่เป็นอกุศลต่างๆ ถึงความเป็นขันติญาณ
ต้องอดทนระดับไหนเป็น ขันติบารมี ที่จะข้ามจากฝั่งนี้ไปสู่ฝั่งที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม
กว่าจะสะสมกุศลที่จะเป็นไปในการรู้ความจริง อดทนที่จะเข้าใจธรรมะขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ขาดปัญญาไม่ได้เลยเพราะปัญญาเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามตามความเป็นจริง
ความเป็นผู้ละเอียด ที่จะเข้าใจแมัธาตุรู้ที่เกิดขึ้น เป็นความละเอียดของธรรมะจริงๆ ที่จะเข้าฟังธรรมะในแต่ละคำที่ได้ยินละเอียดขึ้นๆ ไม่แทรกความคิดของตน และรู้ในความเป็นธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้ง
เป็นผู้ที่ละเอียดเพราะรู้ว่าธรรมะละเอียด ต้องอาศัยการลเวลาที่ยาวนาน เพราะปัญญาเจริญช้า ต้องอาศัยการฟังและไตร่ตรองอย่างละเอียด ฟังด้วยความเคารพ เจริญกุศลทุกประการ และต้องต่อเนื่องต้องตรงอดทนและละเอียด ไม่เช่นนั้นไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาได้
สนทนาธรรมออนไลน์
เรื่อง “ ตรง อดทน ละเอียด "
กับ คณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2567
เวลา 10.00 - 11.30 น.
🟦Facebook : วิทยุออนไลน์บ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/gSci87XgvHjt1WEk/?mibextid=Le6z7H
🟦Facebook : ชมรมบ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/WguXTBNyenRMxRLe/?mibextid=Le6z7H
🟥Youtube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
www.youtube.com/live/CTrdnkqm3_c?si=idzqfMyrsiMZmlGp
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ