ความหมายนี้
ผมมีความเห็นว่า สมควรแก่ท่านอาจารย์ สุจินต์ ที่เคารพยิ่ง ได้นะครับ
เหตุว่า ท่านศึกษาพระธรรมจนแตกฉาน สุดท้าย ก็จบลงตรงธรรมที่ปรากฎ
ผมเห็นว่า ธรรมกำมือเดียวจริงๆ ครับ
ท่านไม่ได้สนทนาเรื่องอื่นเลย ทุกเรื่องรวมลงที่ธรรมที่ปรากฎ ซึ่งมีลักษณะเป็นอนัตตา
ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงอันเป็นพระไตรปิฎก ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่พ้น
จากสภาพธรรมที่มีจริงเลยครับ หากไม่มีสภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก รูปและ
นิพพานก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเรื่องราว ไม่มีสิ่งต่างๆ ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม
ก็ไม่พ้นจากความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าพระธรรมหมวดไหน เรื่องอะไร ก็ไม่พ้น
จากสัจจะความจริงที่มีในขณะนี้ ดังนั้นพระธรรมที่พระองค์แสดงนั้น เพื่อให้พุทธบรษัท
เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
เพราะสิ่งที่ปรากฎในชีวิตประจำวัน แม้แต่เรื่องที่อ่านในพระไตรปิฎกหรือที่ได้ฟัง ก็เป็น
เรื่องราวของสัตว์ บุคคล สิ่งต่างๆ และก็ยึดถือด้วยความเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคลจริงๆ
ครับ พระธรรมที่พระองค์แสดงมากมาย จึงเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูก ว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรมที่
กำลังปรากฎแต่ละขณะ แต่ละอย่าง ซึ่งขณะนั้นที่ปัญญารู้ความจริงก็เข้าใจถึงตัวจริง
ของธรรม ขณะนั้นไม่มีชื่อ ไม่มีเรื่อราว ก็ทำให้สามารถไถ่ถอนความยึดถือที่ผิดได้ครับ
ท่านอาจารยสุจินต์ ท่านเป็นผู้มีความเข้าใจพระธรรมได้อย่างละอียดลึกซึ้ง ดังนั้น
พระธรรมที่ท่านอาจารย์ได้แสดง ก็เพื่อให้เข้าใจถูกในความจริงของสภาพธรรมที่มีใน
ขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ เพราะถ้าหากเราไปหลงติดใน
ชื่อในศัพท์ ในเรื่องราวของธรรมของพระไตรปิฎก ก็ไม่สามารถที่จะรู้ตัวจริงของสภาพ
ธรรมที่มีในขณะนี้ได้ ท่านอาจารย์สุจินต์จึงพร่ำสอนและประมวลในพระธรรมที่ได้ศึกษา
จุดประสงค์ ก็คือ เพื่อเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่เป็นอริยสัจจ์นั่นเองครับ และ
ตามที่ คุณdets25226 กล่าวว่า ท่านไม่ได้สนทนาเรื่องอื่นเลย ทุกเรื่องรวมลงที่ธรรมที่
ปรากฏ ซึ่งมีลักษณะเป็นอนัตตา
เป็นจริงอย่างนั้นครับ ท่านอาจารย์สอนให้เราเข้าใจตัวจริงของสภาพธรรม ซึ่งตัว
ธรรมที่มีลักษณะนั่นเอง ที่แสดงถึงความเป็นอนัตตา ไม่มีเรา เพราะมีแต่ลักษณะของ
สภาพธรรมในขณะนั้นให้รู้ครับ
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง เข้าใจยาก ถ้าไม่มีกัลยาณมิตรที่มี
ความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้องก็ยากที่จะเข้าใจถึงอรรถและตัวธรรมได้เลยครับ ดังเช่น
ท่านพระอานนท์เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ท่านมีความคิดว่า กัลยาณมิตรเป็นครึ่ง
หนึ่งของพรหมจรรย์ (การบรรลุ) พระพุทธองค์ตรัสว่า เธออย่ากล่าวอย่างนั้นอานนท์
เพราะกัลยาณมิตรไม่ใช่เป็นเพียงกึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์ แต่เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
คือการบรรลุธรรมทีเดียว เพราะบุคคลทั้งหลาย อาศัยเราตถาคตได้ฟังพระธรรมที่เรา
แสดงก็ย่อมได้ปัญญา ได้ความหลุดพ้นดับกิเลสได้ แม้ในเมฆิยสูตรพระพุทธองค์ก็
แสดงธรรมที่จะทำให้บรรลุ หลุดพ้นได้ ก็มีกัลยาณมิตรเป็นข้อแรก ดังนั้นจะเห็นถึงความ
สำคัญของกัลยาณมิตร มิตรที่ประกอบด้วยคุณธรรม มีศีล วิริยะ สติ ปัญญา ที่สามารถ
จะแสดงพระธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งให้ผู้ฟังได้เข้าใจได้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริงนั่น
คือท่านอาจารย์สุจินต์ อันเป็นกัลยาณมิตร ผู้ให้ความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง ให้เข้าใจ
ที่ตัวสภาพธรรมที่เป็นอนัตตานั่นเองครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับลักษณะกัลยาณมิตร
กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ [กัลยาณมิตตตาทิวรรคที่ ๘]
ดังนั้นท่านอาจารย์สุจินต์จึงเป็นบุคคลที่ควรเคารพอย่างยิ่งและมีพระคุณกับผมและ
สหายธรรมทั้งหลายที่ได้ประโยชน์คือความเข้าใจถูก ดังพระสูตรที่ว่า บุคคลใดที่ทำให้
ผู้นั้นถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ เรากล่าวว่าบุคคลนั้น ตอบแทนได้ยาก
แม้ด้วยการเคารพ สักการะ ทำสามีจิกรรมก็ชื่อว่าตอบแทนได้ยาก ดังนั้น เมื่อเป็นที่
เคารพในพระพุทธเจ้า ในท่านอาจารย์สุจินต์ผู้ให้เราได้มีความเข้าใจพระธรรม ก็ควร
เป็นผู้น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมตามกำลังปัญญา และเป็นผู้มั่นคงในการที่จะ
ศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจตัวจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา การ
ตอบแทนพระคุณ ก็คือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และดำเนินไปตามทางที่ถูกคือ
การเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฎครับ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณ dets25226
ที่มีความเข้าใจถูกและกล่าวยกย่อง สรรเสริญในบุคคลที่ควรสรรเสริญครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...ผู้มีอุปการะมาก ๓ จำพวก [พหุการสูตร]--------------------------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒- หน้าที่ 6
ปฐมขตสูตร
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นบัณฑิต
เป็นคนฉลาด เป็นสัตบุรุษ ครองตนอันไม่ถูกขุด ไม่ถูกขจัดไปครึ่งหนึ่ง
เป็นผู้หาโทษมิได้ ผู้รู้สรรเสริญ และได้บุญมากด้วย ธรรม ๔ ประการ
เป็นไฉน คือบุคคลใคร่ครวญสอบสวนแล้ว ติคนที่ควรติ ชมคนที่ควรชม ๑
แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส ๑ ปลูกความเลื่อมใสในฐานะ
อันควรเลื่อมใส ๑ บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นบัณฑิตฯลฯ
และได้บุญมากด้วย อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอกราบนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น กราบแทบเท้า
บูชาพระคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของ
ท่านอาจารย์สุจินต์ฯในการเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนที่ถูกต้องของพระพุทธองค์..และ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่ได้ฟัง..อ่าน..สนทนา..พระธรรมนั้นฯ ...สาธุ...
ที่จริงสาระ ของท่านอาจารย์ ที่แสดงธรรมะ มาตลอดชีวิต ไม่ใช่ สูงสุด หรือสามัญอะไร
หรอก เพื่อ ปัจจุบันขณะ หรือ ขณะที่ปรากฎ หรือ แม้จะไม่เรียกชื่อว่าอะไรก็ตาม
แต่อย่ามัว แต่จด และจำ อย่างเดียวล่ะ เดี่ยวจะลืมซะก่อน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง และทรงมีพระมหากรุณาที่จะอนุเคราะห์เกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง จึงทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนาตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมีมากมายนับไม่ถ้วน พระอริยสาวกทั้งหลายที่ท่านได้รับประโยชน์จากพระธรรม ก็มีการแสดงธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น มีการรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัย จนกระทั่งสืบทอดมาถึงทุกวันนี้ สมัยนี้ พระธรรมยังดำรงอยู่ และ บุคคลผู้ที่เข้าใจพระธรรมตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงและเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เข้าใจ ด้วยนั้น ก็ยังมีอยู่ จึงเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่จะได้ฟังได้ศึกษาในสิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรมอย่างละเอียดลึกซึ้งพร้อมทั้งมีเมตตาที่จะอนุเคราะห์เกื้อกูลให้ผู้ศึกษาพระธรรม ได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง อยู่เสมอ เป็นเวลาเกือบ ๖๐ ปี ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ท่านอาจารย์ไม่เคยว่างเว้นจากการให้ความเข้าใจธรรมแก่ผู้อื่นเลย ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นแต่เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ สำหรับผู้ฟังอย่างแท้จริง ท่านอาจารย์กล่าวเตือนอยู่เสมอว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด หมวดใด ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ "ทุกคำ ในพระไตรปิฎก คือ ขณะนี้ จริงๆ " ซึ่งจะต้องฟัง ต้องศึกษาสะสมปัญญาต่อไป "เพราะมีท่านอาจารย์ พวกเราจึงมีวันนี้
ตราบใดชีวิตยังมี ชาตินี้จะคอยฝึกฝน
หมั่นฟังพระธรรม พร้อมน้อมนำขัดเกลาใจตน มั่นคงในเหตุในผล ที่ได้ฟังจากท่านอาจารย์" ด้วยอานุภาพแห่งบุญกุศลที่ท่านอาจารย์ได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอจงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ, มีอายุยืนนาน เป็นร่มโพธิร่มไทรของพวกเราทุกคน ตราบนานเท่านาน เทอญ ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ท่าน อ.สุจินต์ ครูผู้มีแต่ให้ กับ นสพ.สาส์นสวรรค์ [ตอนที่ ๑] ท่าน อ.สุจินต์ ครูผู้มีแต่ให้ กับ นสพ.สาส์นสวรรค์ [ตอนจบ] ...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
"ท่านอาจารย์สุจินต์ เกิดมาเพื่อชนทั้งหลาย
ไม่ว่าอยู่หนแห่งใด ไม่เคยละเว้นในการสอนพร่ำ
สอนสิ่งมีจริง ไม่มีตัวตน อยู่เป็นประจำ
ธรรมทุกคำ ย้ำให้เข้าใจ อย่าได้ลืมหลง"
...ขอกราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และขออนุโมทนาในกุศลจิตของสหายธรรมทุกๆ ท่านค่ะ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
การตอบแทนพระคุณ ก็คือการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และดำเนินไปตามทางที่ถูกคือ
การเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฎครับ
สิ่งที่อาจารย์สอน เป็นแก่นของพระพุทธศาสนาจริงๆ เมื่อใดที่ฟังธรรมะจนเข้าใจว่า "ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ บุคคล" เข้าใจในสภาพธรรมต่างๆ เมื่อนั้นปัญญาย่อมปรากฎ และนำไปทำในกิจที่ชอบ ไม่ต้องไปทำอะไรต่างๆ ด้วยความเป็นเรา กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และขออนุโมทนาค่ะ