[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 221
ทุติยปัณณาสก์
ปัตตกัมมวรรคที่ ๒
๑๐. ธัมมิกสูตร
ว่าด้วยพระราชาประพฤติไม่เป็นธรรมและเป็นธรรม
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 35]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 221
๑๐. ธัมมิกสูตร
ว่าด้วยพระราชาประพฤติไม่เป็นธรรมและเป็นธรรม
[๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยใด พระราชาทั้งหลายประพฤติไม่เป็นธรรม ในสมัยนั้น แม้ข้าราชการทั้งหลาย ก็พลอยประพฤติไม่เป็นธรรม เมื่อข้าราชการประพฤติไม่เป็นธรรม พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายก็ประพฤติไม่เป็นธรรมบ้าง เมื่อพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายประพฤติไม่เป็นธรรม ชาวบ้านชาวเมืองก็ประพฤติไม่เป็นธรรมไปตามกัน ครั้นชาวบ้านชาวเมืองประพฤติไม่เป็นธรรม ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ก็โคจรไม่สม่ำเสมอ ครั้นดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ โคจรไม่สม่ำเสมอ ดาวนักษัตรทั้งหลายก็เดินไม่เที่ยงตรง ครั้นดาวนักษัตรทั้งหลายเดินไม่เที่ยงตรง คืนและวันก็เคลื่อนไป ครั้นคืนและวันเคลื่อนไป เดือนและปักษ์ก็คลาดไป ครั้นเดือนและปักษ์คลาดไป ฤดูและปีก็เคลื่อนไป ครั้นฤดูและปีเคลื่อนไป ลมก็พัดผันแปรไป ครั้นลมพัด
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 222
ผันแปรไป ลมนอกทางก็พัดผิดทาง ครั้นลมนอกทางพัดผิดทาง เทวดาทั้งหลายก็ปั่นป่วน ครั้นเทวดาทั้งหลายปั่นป่วน ฝนก็ไม่ตกตามฤดูกาล ครั้นฝนไม่ตกตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกไม่ดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวที่สุกไม่ดี ย่อมอายุสั้น ผิวพรรณก็ไม่งาม กำลังก็ลดถอย และมีอาพาธมาก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยใด พระราชาทั้งหลายประพฤติเป็นธรรม ในสมัยนั้น แม้ข้าราชการทั้งหลายก็ประพฤติเป็นธรรมไปด้วย เมื่อข้าราชการ ทั้งหลายประพฤติเป็นธรรม พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายก็ประพฤติเป็นธรรมบ้าง เมื่อพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายประพฤติเป็นธรรม ชาวบ้านชาวเมืองก็ประพฤติเป็นธรรมไปตามกัน ครั้นชาวบ้านชาวเมืองประพฤติเป็นธรรม ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ก็โดยจรสม่ำเสมอ ครั้นดวงจันทร์ดวงอาทิตย์โคจรสม่ำเสมอ ดาวนักษัตรทั้งหลายก็เดินสม่ำเสมอ ครั้นดาวนักษัตรทั้งหลายเดินสม่ำเสมอ คืนและวันก็ตรง ครั้นคืนและวันตรง เดือนและปักษ์ก็ตรง ครั้นเดือนและปักษ์ตรง ฤดูและปีก็สม่ำเสมอ ครั้นฤดูและปีสม่ำเสมอ ลมก็พัดเป็นปกติ ครั้นลมพัดเป็นปกติ ลมในทางก็พัดไปถูกทาง ครั้นลมในทางพัดไปถูกทาง เทวดาทั้งหลายก็ไม่ปั่นป่วน ครั้นเทวดาทั้งหลายไม่ปั่นป่วน ฝนก็ตกตามฤดูกาล ครั้นฝนตกดามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกได้ที่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายได้บริโภคข้าวที่สุกได้ที่ ย่อมมีอายุยืน ผิวพรรณงาม มีกำลังและมีอาพาธน้อย
เมื่อฝูงโคข้ามฟากอยู่ ถ้าโคโจกตัวนำฝูงไปคด โคนอกนั้นไปคดตามกันในหมู่มนุษย์เหมือนกัน ถ้าท่านผู้ได้รับสมมติให้เป็นใหญ่ ประพฤติไม่เป็นธรรม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 223
ไซร้ ประชาชนนอกนี้ ก็จะประพฤติไม่เป็นธรรมด้วย ถ้าพระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม รัฐทั้งปวงก็ยากเข็ญ.
เมื่อฝูงโคข้ามฟากอยู่ ถ้าโคโจกตัวนำฝูงไปตรง โคนอกนั้นก็ไปตรงตามกัน ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ถ้าท่านผู้ได้รับสมมติให้เป็นใหญ่ ประพฤติเป็นธรรมไซร้ ประชาชนนอกนี้ ย่อมประพฤติเป็นธรรมด้วย ถ้าพระราชาเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม รัฐทั้งปวงก็อยู่เป็นสุข.
จบธัมมิกสูตรที่ ๑๐
จบปัตตกัมมวรรคที่ ๒
อรรถกถาธัมมิกสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในธัมมิกสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อธมฺมิกา โหนฺติ ความว่า พระราชาทั้งหลายประพฤติ ไม่เป็นธรรมโดยไม่เก็บส่วย ๑๐ ส่วน และไม่ลงโทษ ตามสมควรแก่ความผิด ซึ่งพระราชาเก่าก่อนทรงตั้งไว้แล้ว เก็บส่วยเกินพิกัด และลงโทษเกินกำหนด.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 224
บทว่า ราชยุตฺตา ได้แก่ พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ทำราชการอยู่ในชนบทของพระราชา. บทว่า พฺราหฺมณคหปติกา ได้แก่ พราหมณ์และคฤหบดี ทั้งหลายผู้อยู่ภายในเมือง. บทว่า เนคมชานปทา ได้แก่ ชาวนิคม และชาวชนบท. บทว่า วิสมํ ความว่า ลมก็ผันแปรไป ไม่ถูกตามฤดู. บทว่า วิสมา ความว่า ลมพัดไม่สม่ำเสมอ พัดแรงเกินไปบ้าง พัดอ่อนเกินไปบ้าง. บทว่า อปญฺชสา ได้แก่ ลมนอกทาง พัดออกนอกทางไป. บทว่า เทวตา ปริกุปฺปิตา ภวนฺติ ความว่า ด้วยว่าเมื่อลมนอกทางพัดไม่สม่ำเสมอ ต้นไม้ทั้งหลายก็หัก วิมานก็พังทะลาย เพราะฉะนั้น พวกเทวดาก็ปั่นป่วน. เทวดาเหล่านั้นจึงไม่ยอมให้ฝนตกตามฤดูกาล. ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า ฝนก็ไม่ตกตามฤดูกาล. บทว่า วิสมปากีนิ สสฺสานิ ภวนฺติ ความว่า ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกไม่เสมอกันอย่างนี้คือ ในที่แห่งหนึ่งตั้งท้อง ในที่แห่งหนึ่งเกิดน้ำนม แต่ที่แห่งหนึ่งแก่ ดังนี้.
บทว่า สมํ นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานิ ปริวตฺตนฺติ ความว่า ดาวนักษัตรทั้งหลายย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอเหมือนวันเพ็ญนั้น ได้นักษัตร นั้นๆ ในเดือนนั้นอย่างนี้ว่า วันเพ็ญเดือน ๑๒ ได้นักษัตรในเดือน ๑๒ เท่านั้น วันเพ็ญเดือนอ้าย ได้นักษัตรในเดือนอ้ายเท่านั้นฉะนั้น. บทว่า สมํ วาตา วายนฺติ ความว่า ลมทั้งหลายมิใช่พัดไม่สม่ำเสมอพัดในฤดูกาลเท่านั้น ย่อมพัดในฤดูอันเหมาะแก่ชนบทเหล่านั้นๆ อย่างนี้.คือ ลมเหนือพัด ๖ เดือน ลมใต้พัด ๖ เดือน. บทว่า สมา ความว่า ลมพัดต่ำเสมอ ไม่แรงเกินไป ไม่อ่อนเกินไป. บทว่า ปฺชสา ได้แก่ ลมที่พัดในทาง ย่อมพัดตามทางนั่นเอง หาใช่พัดโดยมิใช่ทางไม่.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 225
บทว่า ชิมฺหํ คจฺฉติ แปลว่า เดินไปคด คือ ย่อมถือเอาแต่ที่ มิใช่ท่า. บทว่า เนตฺเต ชิมฺหํ คเต สติ ได้แก่ โคชื่อว่าเนตตา เพราะนำไป. อธิบายว่า เมื่อโคตัวนำเดินไปคด ถือเอาแต่ที่มิใช่ท่า โคแม้นอกนี้ ย่อมถือเอาแต่ที่มิใช่ท่าตามกันไป. ปาฐะว่า เนนฺเต ดังนี้ก็มี. บทว่า ทุกฺขํ เสติ แปลว่า ย่อมนอนเป็นทุกข์ อธิบายว่า ประสบทุกข์แล้ว.
จบอรรถกาธัมมิกสูตรที่ ๑๐
จบปัตตกัมวรรควรรณนาที่ ๒
พระสูตรปนกับคาถา จบบริบูรณ์
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. ปัตตกัมมสูตร ๒. อันนนาถสูตร ๓. สพรหมสูตร ๔. นิรยสูตร ๕. รูปสูตร ๖. สราคสูตร ๗. อหิสูตร ๘. เทวทัตตสูตร ๙. ปธานสูตร ๑๐. ธัมมิกสูตร และอรรถกถา.