เมตตา ๑๓ - ความโกรธ - อสุรินทกสูตร - พิลังคิกสูตร
โดย chaiyut  11 ต.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 5086

ความโกรธของ อสุรินทกภารทวาชพราหมณ์ และพิลังคิกภารทวาชพราหมณ์

ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค พราหมณสังยุตต์ อรหันตวรรคที่ ๑ อสุรินทกสูตรที่ ๓ มีข้อความว่า...

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ฯ

อสุรินทกภารทวาชพราหมณ์ได้สดับมาว่า ได้ยินว่า พราหมณ์ภารทวาชโคตรออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระสมณโคดม โกรธขัดใจ เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วด่าบริภาษพระผู้มีพระภาคด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ ฯ

เมื่ออสุรินทกภารทวาชพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ทรงนิ่งเสีย ฯ

ลำดับนั้นแล อสุรินทกภารทวาชพราหมณ์ได้กล่าวกะพระผู้มีพระภาคว่า พระสมณะ เราชนะท่านแล้ว พระสมณะ เราชนะท่านแล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าชนะทีเดียว แต่ความอดกลั้นได้เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่ ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้วผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธแล้ว เพราะการโกรธตอบนั้น

ข้อความตอนท้ายเหมือนใน...

อักโกสกสูตร

พระผู้มีพระภาคไม่ได้ทรงโต้ตอบด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งท่านผู้มีกิเลสอยู่ลองพิจารณาการนิ่งของท่านเองว่า ถึงแม้จะนิ่งด้วยกัน แต่สภาพของจิตใจขณะที่นิ่งนั้นย่อมต่างกัน การนิ่งของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระอรหันต์ทั้งหลาย ของพระอนาคามีบุคคล ของพระสกทาคามีบุคคลของพระโสดาบันและของปุถุชนย่อมต่างกัน เพราะผู้ที่ไม่ได้ดับความโกรธเป็นสมุจเฉทบางครั้งอาจจะนิ่งไม่แสดงอาการทางกาย ทางวาจา ให้ปรากฏแต่ใจใครจะรู้ ถ้าสติปัฏฐานไม่เกิดก็จะไม่ทราบว่าขณะนั้น เป็นกุศลหรือว่าเป็นอกุศล หรือว่าประกอบด้วยเมตตา สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นเวลาที่เห็นคนอื่นนิ่งก็ย่อมเข้าใจเอาเองตามอัธยาศัยของตนเองว่า บุคคลนั้นนิ่งเพราะเหตุอื่น

เมื่อพิจารณาข้อความในพระสูตรนี้ก็จะเห็นคุณประโยชน์จริงๆ ซึ่งแล้วแต่ว่าจะเป็นผู้อบรมประพฤติปฏิบัติตามได้มากน้อยแค่ไหน ขณะใดที่กล่าวคำหยาบขณะนั้นเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ อาจจะเข้าใจว่าชนะแล้วที่สามารถกล่าวคำอย่างนั้นกับผู้อื่นได้ แต่ความจริงแล้วเป็นผู้แพ้ ถ้าชนะจริงก็ต้องชนะกิเลสเพราะผู้ไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ย่อมชื่อว่าชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก

เมื่อใครกำลังโกรธก็อย่าอยู่ร่วมกับเขา คืออย่าโกรธกับเขาด้วย เพราะว่าขณะใดที่โกรธตอบ ขณะนั้น อยู่ร่วมกัน บริโภคร่วมกันกับอกุศลธรรมการอบรมจิตเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยการฟังพระธรรมที่แสดงคุณของกุศลธรรมจริงๆ และมีการพากเพียรที่จะอบรมเจริญกุศลธรรมด้วย กุศลธรรมทั้งหลายจะเจริญขึ้นได้ก็ต้องอาศัยสติปัฏฐาน การอบรมเจริญสติปัฏฐานเป็นปัจจัยให้สติแต่ละขั้นเกิดระลึกได้และเห็นโทษของอกุศล ซึ่งกำลังปรากฏ ขณะนั้นเป็นปัญญาที่เห็นอกุศลธรรมตามความเป็นจริง เมื่อปัญญาเห็นอกุศลเป็นอกุศลในขณะนั้น ย่อมมีปัจจัยที่กุศลจะเกิดขึ้นแทนอกุศล

น้องชายของพราหมณ์ภารทวาชโคตรอีกท่านหนึ่งแสดง ความโกรธต่างกับท่านอื่น ข้อความใน พิลังคิกสูตร ที่ ๔ มีว่า

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันอันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ฯ

พิลังคิกภารทวาชพราหมณ์ได้สดับมาว่า ได้ยินว่า พราหมณ์ภารทวาชโคตรออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระสมณโคดม ดังนี้โกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้ยืนนิ่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกแห่งใจของพิลังคิกภารทวาชพราหมณ์ด้วยพระหฤทัยแล้ว ได้ตรัสกะพิลังคิกภารทวาชพราหมณ์ด้วยพระคาถาว่า ผู้ใดประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษร้าย เป็นบุรุษผู้หมดจด ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องยั่วยวน บาปย่อมกลับสนองผู้นั้นผู้เป็นพาลนั่นเอง เปรียบเสมือนธุลีอันละเอียดที่บุคคลซัดไปสู่ที่ทวนลม ฉะนั้น

ผลของการฟังพระธรรมแม้จะสั้น แต่เมื่อพิจารณาธรรมด้วยความเคารพ คือในเหตุผลของธรรมที่ได้ฟัง ทำให้พิลังคิกภารทวาชพราหมณ์ ซึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคด้วยความโกรธ แต่ไม่ด่า ไม่บริภาษ เกิดความเลื่อมใส ทูลขอบรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค ไม่นานเท่าใดนักพิลังคิกภารทวาชพราหมณ์ก็ได้ทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษอันยอดเยี่ยม เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย

..จากหนังสือ "เมตตา" เปิดอ่าน --> คลิกที่นี่



ความคิดเห็น 1    โดย พุทธรักษา  วันที่ 11 ต.ค. 2550

ขอนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 30 ก.ค. 2564

ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม..

เรื่องอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ [๒๗๙]


ความคิดเห็น 4    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 24 ก.พ. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ