พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า 96
ความบางตอนจากอรรถกถา โปตลิยสูตร
ว่าด้วยอาสวะ 3
ส่วนบทว่า อาสวา นี้ พึงทราบความเกิดแห่งอาสวะอย่างนี้ คือ อาสวะ ๓ คือ อาสวะคือกาม อาสวะคือทิฏฐิ อาสวะคืออวิชชา ย่อมเกิด
เพราะอทินนาทานเป็นเหตุ เกิดเพราะมุสาวาทเป็นเหตุ และเพราะปิสุณาวาจา เป็นเหตุ ก็อย่างนั้นเหมือนกัน. ทิฏฐาสวะ และอวิชชาสวะ เกิดเพราะ
คิทธิโลภะเป็นเหตุ อวิชชาอย่างเดียวเกิดเพราะนินทาโรสะเป็นเหตุ เกิดเพราะ
โกธะและอุปายาสเป็นเหตุ ก็เหมือนอย่างนั้น. อาสวะ ๒ คือ ภวาสวะ และ
อวิชชาสวะ เกิดเพราะอติมานะเป็นเหตุ. แต่เพื่อไม่ให้ฉงนไม่วาระแม้ทั้ง ๘
นี้ วินิจฉัยสังเขปมีดังนี้ . ควรกล่าวว่า เราไม่อาจงดเว้นในวาระ ๔ นี้ก่อน
ควรกล่าวว่า เราไม่อาจละ ในวาระเบื้องปลาย. อวิชชาสวะอย่างเดียวเท่านั้น
มีในปาณาติบาต นินทาโรสะ โกธะและอุปายาสะ. กามาสวะ ทิฏอาสวะ
อวิชชาสวะ มีในอทินนาทาน มุสาวาท ปิสุณาวาจา. ทิฏฐาสวะ อวิชชาสวะมี
ในคิทธิโลภะ. ภวาสวะ อวิชชาสวะ มีในอติมานะ. อปาณาติบาต อนทินนาทาน
เป็นศีลทางกาย. อมุสาวาท อปิสุณาวาจา เป็นศีลทางวาจา. ที่เหลือ ๓ เว้น
อนินทาโรสะ เป็นศีลทางใจ. แต่บุคคลย่อมขึ้งเคียดขุ่นเคืองกันด้วยกายบ้าง
ขึ้งเคียดขุ่นเคืองกันด้วยวาจาบ้าง เพราะฉะนั้น อนินทาโรสะ จึงมีฐานะ ๒
คือ เป็นศีลทางกายบ้าง เป็นศีลทางวาจาบ้าง.