ภพ การเกิดเป็นเรื่องที่หนีกรรมไม่พ้น (203)
โดย สารธรรม  24 พ.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 45188

ขุททกนิกาย อปทาน อุปาลีเถราปทาน

ท่านพระอุบาลีได้กล่าวคาถา พรรณนาการบรรลุธรรมของท่าน มีข้อความบางตอนดังนี้

ประโยชน์ คือ ความสิ้นสังโยชน์ทั้งปวงนั้น ข้าพระองค์บรรลุแล้ว เปรียบเหมือนคนอันพระราชอาญาคุกคาม ถูกเสียบด้วยหลาว ไม่ได้ความสุข ที่หลาว ปรารถนาจะพ้นไปอย่างเดียว ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระเจ้า ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น อันอาญา คือ ภพคุกคามแล้ว ถูกเสียบด้วยหลาว คือ กรรม ถูกเวทนา คือ ความกระหายบีบคั้น ไม่ได้ความสุขในภพ ถูกไฟ ๓ กองแผดเผาอยู่ ย่อมแสวงหาอุบายเครื่องพ้น ดังคนแสวงหาอุบายเพื่อฆ่ายาพิษ พึงแสวงหายา เมื่อแสวงหาอยู่ พึงพบยาเครื่องฆ่ายาพิษ ดื่มยานั้นแล้ว พึงมีสุข เพราะพ้นจากพิษ ฉันใด

ข้าแต่พระมหาวีระเจ้า ข้าพระองค์ก็เหมือนคนอันยาพิษบีบคั้นฉันนั้น ถูกอวิชชาบีบคั้นแล้ว ก็พึงแสวงหายา คือ สัทธรรม เมื่อแสวงหายา คือ ธรรมอยู่ ได้พบศาสนาของพระองค์ผู้ศากยบุตรอันเป็นจริงอย่างเลิศ สุดยอดโอสถ เป็นเครื่องบรรเทาลูกศรทั้งปวง ข้าพระองค์ดื่มยา คือ ธรรมแล้ว ถอนยาพิษ คือ สังสารทุกข์ได้หมดแล้ว ข้าพระองค์ได้พบนิพพานอันไม่แก่ ไม่ตาย เป็นธรรมชาติเย็นสนิท

ข้อความต่อไปตอนหนึ่งมีว่า

เถาวัลย์ ชื่อ อาสาวดี เกิดในสวนจิตรลดา โดยล่วงไป ๑,๐๐๐ ปี จึงเผล็ดผลผลหนึ่ง เทวดาทั้งหลายได้ใช้สอยผลอาสาวดีนั้น ซึ่งมีผลคราวหนึ่งนานเพียงนั้น เถาวัลย์อาสาวดีนั้นมีผลอุดมเป็นที่รักของเทวดาทั้งหลายอย่างนี้ ข้าพระองค์อาศัยแสนปี จึงได้เที่ยวมาใกล้พระองค์ผู้เป็นมุนี ได้นมัสการทั้งเวลาเย็น เวลาเช้า เหมือนเทวดาเชยชมผลอาสาวดีฉะนั้น การได้มาใกล้ ไม่เป็นหมัน และการนมัสการไม่เป็นโมฆะ

ข้อความต่อไปอีกตอนหนึ่งมีว่า

เมื่อเมฆร้องกระหึ่ม นกยางย่อมมีครรภ์ทุกเมื่อ ย่อมทรงครรภ์อยู่แม้นาน ตลอดเวลาที่สายฝนยังไม่ตก ย่อมพ้นจากการทรงครรภ์เมื่อเวลาที่สายฝนตก ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงประกาศกึกก้องด้วยเมฆ คือ ธรรม ได้ถือเอาครรภ์ คือ ธรรม ด้วยเสียงแห่งเมฆ คือ ธรรม ข้าพระองค์อาศัยแสนกัป ทรงครรภ์ คือ บุญอยู่ ยังไม่พ้นจากภาระ คือ สังสาระ ตลอดเวลาที่สายฝน คือ ธรรม ยังไม่ตก

ข้าแต่พระศากยมุนี เมื่อเวลาที่พระองค์ทรงประกาศกึกก้องด้วยสายฝน คือธรรม ในพระนครกบิลพัสด์อันรื่นรมย์ ข้าพระองค์จึงได้พ้นจากภาระ คือ สังสาระ ข้าพระองค์สะสาง คือ ชำระธรรม คือ สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิต-วิโมกข์ และผล ๔ ทั้งหมดแม้นั้นได้แล้ว

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นโทษของภพ เห็นว่า ภพ การเกิดเป็นเรื่องที่หนีกรรมไม่พ้น และกรรมในอดีตที่สะสมไว้มากมายจะให้ผลที่เผ็ดร้อนรุนแรงสักแค่ไหนก็ยังไม่ทราบ วันนี้ปกติสบายดี พรุ่งนี้อาจจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสปางว่าจะสิ้นชีวิต มีอะไรเป็นเครื่องประกันว่า จะไม่ได้รับผลของอกุศลกรรม นอกจากนั้นยังถูกเวทนา คือความกระหายบีบคั้น มีแต่ความปรารถนาเสียจริง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มากหรือน้อยก็ยังมีอยู่ เป็นเรื่องที่ดิ้นรน หรือว่าถูกความกระหายบีบคั้นด้วยเวทนาความต้องการ ความรู้สึกเป็นสุขเป็นทุกข์ต่างๆ


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 203