ขอเรียนถามค่ะ ว่าถ้ามีใครสักคนหนึ่ง เล่นการพนันจนหมดเนื้อหมดตัวเราช่วยเหลือเค้า และเค้าบอกเราว่าสำนึกผิดแล้ว สิ่งที่ทำไปนั้นไม่ดีจริงๆ สร้างความทุกข์ให้เค้าจนอยากจะฆ่าตัวตาย แต่เค้ารู้ว่า การฆ่าตัวตายเป็นบาป เค้าไม่สมควรทำ วันนี้เค้าหมดสิ้นทุกอย่าง เมื่อเราช่วยเหลือเค้าแล้ว เค้าพร้อมที่จะตั้งต้นชีวิตใหม่ เราจะดูได้อย่างไรในวันข้างหน้าว่าคนๆ นี้พูดจริงค่ะ ตามหลักของธรรมะ คือดิชั้น ได้ให้บ้านที่มีอยู่อีกหลังหนึ่งให้พักอาศัยได้ชั่วชีวิต ดิชั้นพูดให้เค้าหันเข้าหาธรรมะ ปลอบใจเท่าที่สามารถทำได้ค่ะ
มีพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งแสดงเกี่ยวกับ ศีลว่า การที่จะรู้ว่าเขามีศีล รักษาคำพูดหรือไม่
ก็ต้องอาศัยการอยู่ร่วมกันนานๆ ต้องคอยสังเกต และเราก็ต้องเป็นผู้มีปัญญา จึงจะรู้ได้
อนึ่งการจะดูคนอื่นว่าจะเป็นอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับการดูหรือรู้จักตนเองตามความเป็น
จริง พระธรรมแสดงว่า ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน เป็นเพียงธัมมะครับ
เพราะเหตุใดคนหมู่มาก ถึงได้มาตายพร้อมกันในเหตุการณ์ร้ายแรงเดียวกันค่ะ
เรียนคุณ SOAMUSA ครับ
เป็นความวิจิตรของกรรมครับ ในแสนโกฏิกัปป์ เราทำมาทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว แต่กาลที่ อกุศลกรรมจะให้ผล ก็อาจจะเป็นในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันเพราะภัยพิบัติเดียวกันได้ ถ้าเราพูดถึงเหตุการณ์ ก็จะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่นาน เป็นกลุ่มคน เป็นสังคม เป็นประเทศ ไม่ปรากฏว่าอะไรเกิดแล้วดับไป แต่ถ้ากล่าวถึงแต่ละขณะจิต จิตเกิดดับทีละหนึ่งขณะ จิตของแต่ละคนไม่ปนกัน จิตที่เป็นผลของกรรม คือ วิบากจิตวิบากจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่ไม่ดีเป็นผลของอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต
ก่อนจะตาย วิบากจิตของผู้ใดจะเกิดทางตา, หู, จมูก, ลิ้น , หรือกาย หนักหรือ เบา อย่างไร ก็แล้วแต่กรรมของบุคคลนั้น จุติจิตของแต่ละคนอาจจะเกิดพร้อมกันหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเราไม่สามารถจะรู้ได้ว่า จุติจิตของบุคคลนั้น กับ จุติจิตของบุคคลนี้เกิดขณะไหน เมื่อไร ฉะนั้น ในเรื่องราว เราจำไว้ว่าบุคคลตายพร้อมกัน แต่โดยความละเอียด จิตขณะสุดท้ายของชาตินี้ของแต่ละบุคคลนั้น ไม่มีใครรู้ เมื่อเรารู้ไม่ได้ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา หู ..กาย ใจ ที่นี่จึงน่าศึกษากว่า เพราะจะเป็นปัจจัยให้เกิดความเห็นถูกว่า เป็นธรรมะ ที่ปรากฏทางหนึ่งทางใดเท่านั้น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนครับ