หนูมีอุปสรรคในการฟังธรรมคือ ใจหนูค่ะ หนูหวั่นไหวเพราะแฟนที่เลิกกันไปแล้ว ซึ่งจบกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ และเหตุผลที่ทำให้ต้องเลิกกันก็เพราะการถูกทรยศหักหลังนี่เอง แต่มันก็มีเหตุให้เรายังต้องเจอกันบ่อยๆ ก็เพราะ ชอบฟังพระธรรมเหมือนกัน เราต่างมีกัลยาณมิตรที่รู้จักกันทั้งคู่ และเราก็รู้สึกสนุกสนานและอยากสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตรเหล่านี้อยู่เนืองๆ แต่ก็ติดที่ว่า ถ้าหนูไปอยู่ร่วมด้วย หนูก็ต้องเจอเขา เมื่อเห็นหน้าเขาก็จะรู้สึกเคืองอยู่นิดๆ ไม่กล้าพูดอะไรมาก และบ่อยครั้งที่หนูตัดโอกาสการสนทนาธรรมกับเหล่ากัลยาณมิตรของตัวเองอย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะรู้ว่า เขาต้องอยู่ในที่ที่หนูกำลังจะไป หนูจึงเลือกที่จะไม่ไป กรณีนี้หนูควรทำใจอย่างไรดีคะ พระธรรมก็อยากสนทนา คนที่เคยรักและบัดนี้เปลี่ยนเป็นชัง ก็ไม่อยากเจอ
ขออนุโมทนาและกราบขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่องของจิตใจ ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก ที่เกิดทั้งกุศลจิต อกุศลจิต ซึ่งเป็นธรรมดาของปุถุชนที่โดยมาก เกิดอกุศล มากกว่า กุศล เพราะฉะนั้น เมื่อมีการพลัดพราก ไม่ได้ตามที่ต้องการของโลภะ ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดโทสะ ยิ่งติดข้องมากก็ยิ่งทุกข์ใจ ที่เป็น อกุศลจิตมากเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น สถานที่ใด บุคคลใด ที่เสพคุ้นแล้ว ทำให้อกุศลเกิดมาก ก็ไม่ควรไป ณ สถานที่นั้น นอกเสียจากมีเหตุปัจจัยที่จะต้องไป ซึ่งการศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา ไม่ได้หมายถึง การจะต้อง สนทนาธรรมเท่านั้น แม้การฟังพระธรรม อ่านพระธรรม ก็เป็นการอบรมปัญญา ให้เกิดการเข้าใจธรรมได้เช่นกัน และกัลยาณมิตร ไม่ได้หมายถึงเพียงเพื่อนกลุ่มนี้ เพราะสหายธรรมก็มีมากมาย และ ที่สำคัญที่สุด กัลยาณมิตรที่สูงสุด คือ พระพุทธเจ้า ซึ่งได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว แต่ก็ทรงแสดงพระธรรม ที่เป็นศาสดาแทนพระองค์ให้สัตว์โลกได้ฟัง ได้อ่าน ได้ศึกษา เพื่อให้เกิดปัญญา เพราะฉะนั้น พระธรรมจึงเป็นกัลยาณมิตรที่ประเสริฐอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ขณะใดที่ไม่ได้สนทนาธรรมก็มีโอกาสของการฟังธรรมศึกษาพระธรรมได้ ขณะใดที่ปัญญาเกิดจากการฟัง การอ่าน ก็เป็นประโยชน์แล้วในขณะนั้น และเมื่อสงสัย ก็สามารถสนทนาสอบถามในเวปไซต์ ก็เป็นการสนทนาธรรมในขณะนั้นแล้ว และเมื่อเข้าใจจากการสอบถาม ก็เป็นเหตุให้เกิดปัญญาในขณะนั้น ครับ จึงไม่ได้หมายความว่าจะต้องไป ในที่ที่คุ้นเคย แต่ทำให้เกิดอกุศล แต่ เหตุให้เกิดกุศล เกิดปัญญาก็มีมากมาย ตามที่กล่าวมาข้างต้น ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตราบใดก็ตามที่ยังไม่สามารถดับกิเลสอะไรๆ ได้ ตามความเป็นจริงของปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลสนั้น ก็เป็นธรรมดาที่กิเลสประการต่างๆ จะเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่เราเลยแต่เป็นธรรม เพราะได้สะสมมาแล้วอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ความโกรธ ก็เป็นธรรม เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ไม่สบายใจเมื่อนั้น เพราะเป็นสภาพธรรมที่ขุ่นใจ ความรู้สึกในขณะนั้นก็เป็นโทมนัส จะอยู่ที่ไหน ก็ยากที่จะพ้นไปจากอกุศล เพราะเกิดขึ้นเป็นไปมากในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเห็นประโยชน์ใหญ่ คือ ความเข้าใจพระธรรมแล้ว ก็จะทำให้ไม่ละเลยโอกาสที่สำคัญในชีวิตที่จะทำให้ตนเองได้เข้าใจธรรม จะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ขอเพียงไม่ทิ้งสิ่งที่ประเสริฐนี้ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะช่องทางที่จะได้เข้าใจธรรมมีทั้ง ฟัง สนทนา สอบถาม ตลอดจนถึงแม้ในขณะที่ไม่ได้ฟัง แต่ก็สามารถไตร่ตรองถึงพระธรรมที่เคยได้ยินได้ฟัง ทบทวนด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องได้ ซึ่งจะต้องเริ่มต้นที่การฟังพระธรรม ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
อยู่บ้านฟังธรรมก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปสนทนาตลอดเวลา ค่ะ
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นนะคะ ถ้าสนใจสนทนาธรรมและเป็นประโยชน์ ก็ควรไป และมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ คือ จิต เจตสิก รูป ไม่มีเรา ไม่มีเขา แล้วกุศลที่ประกอบด้วยความเข้าใจจริงๆ จะทำให้ฟันฝ่าและสามารถก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ที่เราคิดว่าเลวร้ายไปได้ด้วยดี ปัญญาก็จะเจริญขึ้น เพราะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคการฟังธรรมได้ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ