ลูกผมวัย 6 ขวบ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (ก่อนหวยออก) แม่เขาก็ถามว่าหวยจะออกอะไร เขาก็บอกออก 111 (บอกตัวเดียว และก็ไม่ได้ถามกันประจำ) ก็หัวเราะกันทั้งบ้าน ก็พูดเล่นกันต่อไป และก็ไม่ซื้อ (ปกติแม่บ้านผมจะนานๆ ซื้อที แต่ผมไม่ซื้อเพราะคิดว่าถ้าเราไม่เคยทำไว้เราย่อมไม่ได้ และถ้าเราทำไว้ยังไงก็เป็นของเรา) พอหวยออก ก็นึกขึ้นมาได้ว่าลูกบอกถูก เมื่อสองปีก่อนเขาก็เคยบอกในลักษณะนี้มาแล้ว ก็ไม่ได้ซื้อเช่นกัน ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร ครับ แล้วที่ผีบอกหวยละครับ (ที่บอกเป็นเลขชัดๆ ไม่ได้ตีความ) นะครับ หมายความว่าอย่างไร ทำไมเขาบอกถูกครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไปถามเด็กสักพันคน เด็กก็บอกไปตามประสาเด็กๆ พอถึงเวลาหวยออกเลขตามที่เด็กหนึ่งในพันคนก็จะมีถูกสักหนึ่งคน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กๆ บังเอิญพูดตรงกับเลขที่ออกเท่านั้นเอง ไม่ใช่สาระที่ควรให้ความสำคัญเท่ากับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมะที่นำออกจากทุกข์ นำออกจากความมืด นำออกจากความไม่รู้ นำออกจากความหลงดังนั้น ควรฟัง ควรศึกษา ควรใส่ใจ เพราะพระอริยสาวกผู้ศึกษาแล้ว ท่านตรัสรู้ตามและพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะนับจำนวนไม่ถ้วนครับ
ไม่ใช่สาระที่ควรให้ความสำคัญเท่ากับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมะที่นำออกจากทุกข์นำออกจากความมืด นำออกจากความไม่รู้ นำออกจากความหลง
สาธุ
อบายมุขเป็นทางแห่งความเสื่อม
ขออนุโมทนาค่ะ
เป็นธรรมดาที่บังเอิญถูก แต่ไมได้หมายความว่าถูกทุกครั้ง การรู้อนาคตได้ เกิดจากการเดาหรือเกิดจากปัญญาที่อบรมดีแล้ว จนสามารถรู้อนาคตได้ ดังนั้นจึงต้องกลับมาที่เหตุว่าที่รู้อนาคตหรือทายถูกนั้น เหตุคืออบรมปัญญาขั้น สมถภาวนาหรือเป็นการเดา ผลทุกคนกล่าวได้ แต่เหตุคืออะไร ดังนั้น การศึกษาพระธรรมย่อมย้อนกลับมามองที่เหตุเสมอ ไม่ว่าในเรื่องอะไร และที่สำคัญการเข้าใจความจริงที่เกิดกับตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ยิ่งกว่า เพราะในชีวิตประจำวันที่ดูเป็นปกตินี่เอง กลับไม่รู้ในสิ่งที่ปกตินี่ว่าคืออะไร ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นลูกของเรา เป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ การเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้ จึงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ อัศจรรย์เพราะเป็นความจริงและเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส ขออนุโมทนา
สิ่งที่ควรศึกษา คือ พระธรรม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ ทั้งหมดเป็นเครื่องเกื้อกูลให้ผู้ที่ศึกษามีความประพฤติที่ดีงาม เพื่อให้เกิดกุศลจิตทุกระดับขั้น เริ่มตั้งแต่ความดีขั้นต้นในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งสูงสุด คือ การดับกิเลสทั้งหมดได้อย่างเด็ดขาด ครับ
ให้มั่นคงในเรื่องของกรรม คนที่ซื้อหวย ทุกคนก็มีความหวังว่าจะถูก เวลาที่ถูกหวย ก็ไม่ได้จากโลภะที่ต้องการจะถูก แต่มาจากกุศลกรรมในอดีต ทำให้ถูกหวย ถึงเด็กไม่บอกหวย ถ้าคนนั้นมีกุศลวิบากที่ดี ก็ถูกหวยได้ ที่คุณจ่าหนานฟังธรรมะและศึกษาธรรมะ เป็นบุญเป็นกุศลที่เคยทำไว้แต่ปางก่อน ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 อีกค่ะ
เห็นด้วยกับคุณ Wannee.s ค่ะ ^ ^
ขออนุโมทนาทุกความคิดเห็นค่ะ
อบายมุขจริงๆ ค่ะ คุณจ่าหนาน วันหลังอย่าไปถามลูกเลยนะคะ เพราะเด็กอาจจะชินและอาจเห็นว่าเป็นเรื่องดี เรื่องปกติได้ในอนาคต คิดเหมือนกันกับคคห.ที่ ๕ ค่ะ
เพราะอะไร? เพราะอวิชชา ความไม่รู้ ไม่รู้ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่รู้ในอริยสัจจ์ ๔.
ขออนุโมทนาครับ
ประสบการณ์ถูกลอตเตอรี่
วันหนึ่งที่บ้านของน้องสาว ดิฉันไปเยี่ยมหลานซึ่งเป็นลูกของน้องสาว มีแม่ค้าขายผลไม้ผ่านมา หลานสาวอายุประมาณ ๒ ขวบ อยากกินมะม่วง ดิฉันจึงออกไปซื้อให้ ขณะรอแม่ค้าหั่นมะม่วง มีคนขายลอตเตอรี่เดินร้องขายผ่านมา หลานคนนี้เดินออกจากบ้านตรงไปที่คนขายลอตเตอรี่คว้าลอตเตอรี่ที่แผงมาทั้งชุด จำนวน ๕ ใบ เป็นเงิน ๕๐๐ บาท ดิฉันก็ยังมีโลภะอยู่เต็ม มีความงมงายอยู่ ๕๐ % จึงบ่นไป โลภไป และจ่ายเงินไป เสียดายเงิน ๕๐๐ บาทก็เสียดาย แต่ด้วยความโลภ ก็นึกหวังว่าจะถูกรางวัล พอกลับที่ทำงานเล่าให้เพื่อนฟัง เขาก็บอกว่า เอาล่ะเขา ช่วยซื้อต่อ 1 ใบจึงได้เงินคืนมา ๑๐๐ บาท ผลการออกสลากงวดนั้นเลขท้าย ๒ ตัว คือ ๔๒ ตรงกับลอตเตอรี่ที่หลานหยิบให้ หลังจากนั้น ดิฉันยุยงส่งเสริมให้หลานหยิบลอตเตอรี่ให้อีก หลานก็ไม่หยิบให้ แถมบางครั้งยังบอกอีกว่ามันไม่มีถูก ก็เป็นเรื่องแปลกที่เล่าสู่กันฟังค่ะ
สรุปว่าถ้าเป็นของเรา เราก็ได้มา ถ้าไม่เป็นของเราก็ไม่ได้มา และห้ามถามเบอร์บ้านน้องสาวดิฉันนะคะ
คนที่เข้าใจในธรรม คนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม มีหลายระดับ บางคนรักษาศีลห้า บางคนต้องศีลแปด จนบางคนต้องออกบวช บางคนต้องให้ถึงพระโสดาบันในชาตินี้ จึงพอใจ ทางเดียวกัน แต่จุดหมายต่างกัน ผมจึงคิดว่าจะปิดหูปิดตาลูกไปทำไม คนเราต้องเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม (ถ้าไม่ให้รู้ต้องห้ามคนอื่นไม่ให้พูดให้ลูกผมได้ยินด้วย) ส่วนการนำมาปฏิบัตินั้น ขึ้นอยู่ที่การสั่งสมมาไม่ใช่หรือ? เราสั่งสมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น ทำกรรมแบบไหนก็มารับกรรมแบบนั้น เจ้าชายสิทธิธัทถะ ถูกปิดไม่ให้รับรู้ว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ สุดท้ายเจ้าชายก็รู้ เพราะได้สั่งสมบุญบารมีมาแล้ว แม้จะห้ามปรามปกปิดอย่างไรก็ไม่ได้ผล ถึงจะส่งเสริมให้มีสนมมากมาย มีปราสาทสามฤดู ก็ไม่ลุ่มหลง
เป็นการเปรียบเทียบบุคคลที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และหากกล่าวตามความคิดเห็นนี้ จะปิดหูปิดตาลูกไปทำไม คนเราต้องเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม (ถ้าไม่ให้รู้ ต้องห้ามคนอื่นไม่ให้พูดให้ลูกผมได้ยินด้วย) ส่วนการนำมาปฏิบัตินั้น ขึ้นอยู่ที่การสั่งสมมาไม่ใช่หรือ?
เราสั่งสมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น ทำกรรมแบบไหนก็มารับกรรมแบบนั้น
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
มุมนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นจากอีกหนึ่งมุมมองเท่านั้น
แล้วแต่คุณจ่าหนานจะพิจารณาอย่างไร
1. จะปิดหูปิดตาลูกไปทำไม คนเราต้องเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม
* ไม่ต้องปิดหูปิดตาลูก หากเขาสะสมเหตุมาที่จะได้ยินการถามเช่นนี้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องได้ยิน และเสียงที่เกิดขึ้นให้เขาได้ยินนั้นย่อมเกิดจากบุคคลใดก็ได้ จากพ่อแม่ บุคคลใกล้ชิด หรือแม้แต่จากบุคคลที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคย ส่วนการเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม เขาจะแยกแยะถูกผิดได้ก็ด้วยการเลี้ยงดูอบรม การอธิบายความแตกต่างกันของสิ่งที่สังคมเห็นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี กับความนิยมในสังคมทั้งที่เป็นเรื่องดีและไม่ดี บิดามารดาเป็นผู้มีส่วนช่วยด้วยมากที่สุดค่ะ
2. (ถ้าไม่ให้รู้ ต้องห้ามคนอื่นไม่ให้พูดให้ลูกผมได้ยินด้วย)
* ไม่ต้องห้ามไม่ให้รู้ และห้ามการไม่รู้และการรู้ไม่ได้ หากจะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัย หากเขามีเหตุปัจจัยที่จะรู้ เขาย่อมต้องได้รู้เรื่องนี้แน่ๆ เราห้ามอกุศลของคนอื่นไม่ได้ แต่เราเพียรระวังอกุศลของตนเองได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องอกุศลเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เท่าที่สติจะระลึกได้ตามความเป็นจริง
3. ส่วนการนำมาปฏิบัตินั้น ขึ้นอยู่ที่การสั่งสมมาไม่ใช่หรือ?
* ใช่ค่ะ บุคคลใดสะสมมาเช่นไร ย่อมเป็นเหตุให้การประพฤติทางกาย วาจา ใจเป็นไปเช่นนั้น อาจเป็นเหตุแห่งการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปด้วย
4. เราสั่งสมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น ทำกรรมแบบไหนก็มารับกรรมแบบนั้น
* ใช่ค่ะ บุคคลใดสะสมมาทางอกุศลมาก ย่อมหลงไปตามทางแห่งอกุศลได้ง่ายบุคคลใดสะสมมาทางกุศลมาก ย่อมน้อมไปในทางเดินแห่งกุศลได้ง่าย การให้ผลของกรรมยุติธรรมที่สุด แม้ชีวิตที่เป็นอยู่นี้ก็เกิดขึ้นแล้วด้วยผลของกรรม
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
บิดามารดา ย่อมรักบุตรโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เป็นผู้คอยชี้แนะหนทางที่ถูกที่ควรให้แก่บุตร ให้บุตรได้รับการศึกษาความรู้ทั้งหลายสิ่งใดๆ ที่บิดามารดาเลือกให้กับบุตรอันเป็นที่รักยิ่ง ย่อมเลือกแล้วแต่สิ่งที่ตนรักและพอใจที่สุดเช่นกันนั้นแก่บุตรของตน คุณจ่าหนานเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในเรื่องของการสะสมและผลของกรรม
ดิฉันมั่นใจว่าคุณย่อมพิจารณาแต่สิ่งที่ดีเท่านั้นให้กับลูก
ขออนุโมทนาค่ะ