เด็กบอกหวยถูกเป็นเพราะอะไร?
โดย จ่าหนาน  19 มิ.ย. 2551
หัวข้อหมายเลข 8940

ลูกผมวัย 6 ขวบ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (ก่อนหวยออก) แม่เขาก็ถามว่าหวยจะออกอะไร เขาก็บอกออก 111 (บอกตัวเดียว และก็ไม่ได้ถามกันประจำ) ก็หัวเราะกันทั้งบ้าน ก็พูดเล่นกันต่อไป และก็ไม่ซื้อ (ปกติแม่บ้านผมจะนานๆ ซื้อที แต่ผมไม่ซื้อเพราะคิดว่าถ้าเราไม่เคยทำไว้เราย่อมไม่ได้ และถ้าเราทำไว้ยังไงก็เป็นของเรา) พอหวยออก ก็นึกขึ้นมาได้ว่าลูกบอกถูก เมื่อสองปีก่อนเขาก็เคยบอกในลักษณะนี้มาแล้ว ก็ไม่ได้ซื้อเช่นกัน ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร ครับ แล้วที่ผีบอกหวยละครับ (ที่บอกเป็นเลขชัดๆ ไม่ได้ตีความ) นะครับ หมายความว่าอย่างไร ทำไมเขาบอกถูกครับ



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไปถามเด็กสักพันคน เด็กก็บอกไปตามประสาเด็กๆ พอถึงเวลาหวยออกเลขตามที่เด็กหนึ่งในพันคนก็จะมีถูกสักหนึ่งคน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กๆ บังเอิญพูดตรงกับเลขที่ออกเท่านั้นเอง ไม่ใช่สาระที่ควรให้ความสำคัญเท่ากับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมะที่นำออกจากทุกข์ นำออกจากความมืด นำออกจากความไม่รู้ นำออกจากความหลงดังนั้น ควรฟัง ควรศึกษา ควรใส่ใจ เพราะพระอริยสาวกผู้ศึกษาแล้ว ท่านตรัสรู้ตามและพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะนับจำนวนไม่ถ้วนครับ


ความคิดเห็น 2    โดย suwit02  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ไม่ใช่สาระที่ควรให้ความสำคัญเท่ากับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมะที่นำออกจากทุกข์นำออกจากความมืด นำออกจากความไม่รู้ นำออกจากความหลง

สาธุ

อบายมุขเป็นทางแห่งความเสื่อม


ความคิดเห็น 3    โดย เมตตา  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย all-for-ละ  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

เป็นธรรมดาที่บังเอิญถูก แต่ไมได้หมายความว่าถูกทุกครั้ง การรู้อนาคตได้ เกิดจากการเดาหรือเกิดจากปัญญาที่อบรมดีแล้ว จนสามารถรู้อนาคตได้ ดังนั้นจึงต้องกลับมาที่เหตุว่าที่รู้อนาคตหรือทายถูกนั้น เหตุคืออบรมปัญญาขั้น สมถภาวนาหรือเป็นการเดา ผลทุกคนกล่าวได้ แต่เหตุคืออะไร ดังนั้น การศึกษาพระธรรมย่อมย้อนกลับมามองที่เหตุเสมอ ไม่ว่าในเรื่องอะไร และที่สำคัญการเข้าใจความจริงที่เกิดกับตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ยิ่งกว่า เพราะในชีวิตประจำวันที่ดูเป็นปกตินี่เอง กลับไม่รู้ในสิ่งที่ปกตินี่ว่าคืออะไร ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นลูกของเรา เป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ การเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้ จึงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ อัศจรรย์เพราะเป็นความจริงและเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย สมาชิกพุทธ  วันที่ 19 มิ.ย. 2551
ไม่ควรไปถามเด็กเลยนะคะ เป็นการปลูกฝังเด็กให้ใส่ใจในการพนันทางหนึ่งนะค่ะ

ความคิดเห็น 6    โดย มาณพน้อย  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

สิ่งที่ควรศึกษา คือ พระธรรม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ ทั้งหมดเป็นเครื่องเกื้อกูลให้ผู้ที่ศึกษามีความประพฤติที่ดีงาม เพื่อให้เกิดกุศลจิตทุกระดับขั้น เริ่มตั้งแต่ความดีขั้นต้นในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งสูงสุด คือ การดับกิเลสทั้งหมดได้อย่างเด็ดขาด ครับ


ความคิดเห็น 7    โดย wannee.s  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ให้มั่นคงในเรื่องของกรรม คนที่ซื้อหวย ทุกคนก็มีความหวังว่าจะถูก เวลาที่ถูกหวย ก็ไม่ได้จากโลภะที่ต้องการจะถูก แต่มาจากกุศลกรรมในอดีต ทำให้ถูกหวย ถึงเด็กไม่บอกหวย ถ้าคนนั้นมีกุศลวิบากที่ดี ก็ถูกหวยได้ ที่คุณจ่าหนานฟังธรรมะและศึกษาธรรมะ เป็นบุญเป็นกุศลที่เคยทำไว้แต่ปางก่อน ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 อีกค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย natnicha  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

เห็นด้วยกับคุณ Wannee.s ค่ะ ^ ^


ความคิดเห็น 9    โดย pornpaon  วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาทุกความคิดเห็นค่ะ

อบายมุขจริงๆ ค่ะ คุณจ่าหนาน วันหลังอย่าไปถามลูกเลยนะคะ เพราะเด็กอาจจะชินและอาจเห็นว่าเป็นเรื่องดี เรื่องปกติได้ในอนาคต คิดเหมือนกันกับคคห.ที่ ๕ ค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย พุทธรักษา  วันที่ 20 มิ.ย. 2551

เพราะอะไร? เพราะอวิชชา ความไม่รู้ ไม่รู้ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่รู้ในอริยสัจจ์ ๔.


ความคิดเห็น 11    โดย เซจาน้อย  วันที่ 22 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย C.pongsiri  วันที่ 24 มิ.ย. 2551

ประสบการณ์ถูกลอตเตอรี่

วันหนึ่งที่บ้านของน้องสาว ดิฉันไปเยี่ยมหลานซึ่งเป็นลูกของน้องสาว มีแม่ค้าขายผลไม้ผ่านมา หลานสาวอายุประมาณ ๒ ขวบ อยากกินมะม่วง ดิฉันจึงออกไปซื้อให้ ขณะรอแม่ค้าหั่นมะม่วง มีคนขายลอตเตอรี่เดินร้องขายผ่านมา หลานคนนี้เดินออกจากบ้านตรงไปที่คนขายลอตเตอรี่คว้าลอตเตอรี่ที่แผงมาทั้งชุด จำนวน ๕ ใบ เป็นเงิน ๕๐๐ บาท ดิฉันก็ยังมีโลภะอยู่เต็ม มีความงมงายอยู่ ๕๐ % จึงบ่นไป โลภไป และจ่ายเงินไป เสียดายเงิน ๕๐๐ บาทก็เสียดาย แต่ด้วยความโลภ ก็นึกหวังว่าจะถูกรางวัล พอกลับที่ทำงานเล่าให้เพื่อนฟัง เขาก็บอกว่า เอาล่ะเขา ช่วยซื้อต่อ 1 ใบจึงได้เงินคืนมา ๑๐๐ บาท ผลการออกสลากงวดนั้นเลขท้าย ๒ ตัว คือ ๔๒ ตรงกับลอตเตอรี่ที่หลานหยิบให้ หลังจากนั้น ดิฉันยุยงส่งเสริมให้หลานหยิบลอตเตอรี่ให้อีก หลานก็ไม่หยิบให้ แถมบางครั้งยังบอกอีกว่ามันไม่มีถูก ก็เป็นเรื่องแปลกที่เล่าสู่กันฟังค่ะ

สรุปว่าถ้าเป็นของเรา เราก็ได้มา ถ้าไม่เป็นของเราก็ไม่ได้มา และห้ามถามเบอร์บ้านน้องสาวดิฉันนะคะ


ความคิดเห็น 13    โดย จ่าหนาน  วันที่ 6 ก.ค. 2551

คนที่เข้าใจในธรรม คนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม มีหลายระดับ บางคนรักษาศีลห้า บางคนต้องศีลแปด จนบางคนต้องออกบวช บางคนต้องให้ถึงพระโสดาบันในชาตินี้ จึงพอใจ ทางเดียวกัน แต่จุดหมายต่างกัน ผมจึงคิดว่าจะปิดหูปิดตาลูกไปทำไม คนเราต้องเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม (ถ้าไม่ให้รู้ต้องห้ามคนอื่นไม่ให้พูดให้ลูกผมได้ยินด้วย) ส่วนการนำมาปฏิบัตินั้น ขึ้นอยู่ที่การสั่งสมมาไม่ใช่หรือ? เราสั่งสมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น ทำกรรมแบบไหนก็มารับกรรมแบบนั้น เจ้าชายสิทธิธัทถะ ถูกปิดไม่ให้รับรู้ว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ สุดท้ายเจ้าชายก็รู้ เพราะได้สั่งสมบุญบารมีมาแล้ว แม้จะห้ามปรามปกปิดอย่างไรก็ไม่ได้ผล ถึงจะส่งเสริมให้มีสนมมากมาย มีปราสาทสามฤดู ก็ไม่ลุ่มหลง


ความคิดเห็น 14    โดย pornpaon  วันที่ 6 ก.ค. 2551

เป็นการเปรียบเทียบบุคคลที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

และหากกล่าวตามความคิดเห็นนี้ จะปิดหูปิดตาลูกไปทำไม คนเราต้องเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม (ถ้าไม่ให้รู้ ต้องห้ามคนอื่นไม่ให้พูดให้ลูกผมได้ยินด้วย) ส่วนการนำมาปฏิบัตินั้น ขึ้นอยู่ที่การสั่งสมมาไม่ใช่หรือ?

เราสั่งสมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น ทำกรรมแบบไหนก็มารับกรรมแบบนั้น

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มุมนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นจากอีกหนึ่งมุมมองเท่านั้น

แล้วแต่คุณจ่าหนานจะพิจารณาอย่างไร

1. จะปิดหูปิดตาลูกไปทำไม คนเราต้องเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม

* ไม่ต้องปิดหูปิดตาลูก หากเขาสะสมเหตุมาที่จะได้ยินการถามเช่นนี้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องได้ยิน และเสียงที่เกิดขึ้นให้เขาได้ยินนั้นย่อมเกิดจากบุคคลใดก็ได้ จากพ่อแม่ บุคคลใกล้ชิด หรือแม้แต่จากบุคคลที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคย ส่วนการเรียนรู้ความเป็นจริงในสังคม เขาจะแยกแยะถูกผิดได้ก็ด้วยการเลี้ยงดูอบรม การอธิบายความแตกต่างกันของสิ่งที่สังคมเห็นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี กับความนิยมในสังคมทั้งที่เป็นเรื่องดีและไม่ดี บิดามารดาเป็นผู้มีส่วนช่วยด้วยมากที่สุดค่ะ

2. (ถ้าไม่ให้รู้ ต้องห้ามคนอื่นไม่ให้พูดให้ลูกผมได้ยินด้วย)

* ไม่ต้องห้ามไม่ให้รู้ และห้ามการไม่รู้และการรู้ไม่ได้ หากจะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัย หากเขามีเหตุปัจจัยที่จะรู้ เขาย่อมต้องได้รู้เรื่องนี้แน่ๆ เราห้ามอกุศลของคนอื่นไม่ได้ แต่เราเพียรระวังอกุศลของตนเองได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องอกุศลเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เท่าที่สติจะระลึกได้ตามความเป็นจริง

3. ส่วนการนำมาปฏิบัตินั้น ขึ้นอยู่ที่การสั่งสมมาไม่ใช่หรือ?

* ใช่ค่ะ บุคคลใดสะสมมาเช่นไร ย่อมเป็นเหตุให้การประพฤติทางกาย วาจา ใจเป็นไปเช่นนั้น อาจเป็นเหตุแห่งการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปด้วย

4. เราสั่งสมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น ทำกรรมแบบไหนก็มารับกรรมแบบนั้น

* ใช่ค่ะ บุคคลใดสะสมมาทางอกุศลมาก ย่อมหลงไปตามทางแห่งอกุศลได้ง่ายบุคคลใดสะสมมาทางกุศลมาก ย่อมน้อมไปในทางเดินแห่งกุศลได้ง่าย การให้ผลของกรรมยุติธรรมที่สุด แม้ชีวิตที่เป็นอยู่นี้ก็เกิดขึ้นแล้วด้วยผลของกรรม

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

บิดามารดา ย่อมรักบุตรโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เป็นผู้คอยชี้แนะหนทางที่ถูกที่ควรให้แก่บุตร ให้บุตรได้รับการศึกษาความรู้ทั้งหลายสิ่งใดๆ ที่บิดามารดาเลือกให้กับบุตรอันเป็นที่รักยิ่ง ย่อมเลือกแล้วแต่สิ่งที่ตนรักและพอใจที่สุดเช่นกันนั้นแก่บุตรของตน คุณจ่าหนานเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในเรื่องของการสะสมและผลของกรรม

ดิฉันมั่นใจว่าคุณย่อมพิจารณาแต่สิ่งที่ดีเท่านั้นให้กับลูก

ขออนุโมทนาค่ะ