[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 1136
มานะ อติมานะ มานาติมานะ โอมานะ อธิมานะ อัสมิมานะ มิจฉามานะ
ในบทเหล่านั้น บทว่า มาโน ความถือตัว คือ ลูบคลำบุคคลด้วยสามารถแห่งบุคคลผู้ดีกว่าเป็นต้น แล้วเย่อหยิ่งด้วยวัตถุในชาติเป็นต้น.
บทว่า อติมาโน ดูหมิ่นท่าน คือ ผยองเลยไปถึงว่า ไม่มีใครเช่นกับเราโดยชาติเป็นต้น
บทว่า นานาติมาโน ดูหมิ่นด้วยความทะนงตัว คือ เกิดถือตัวว่า คนนี้เมื่อก่อนเช่นกับเรา เดี๋ยวนี้เราดีกว่า คนนี้เลวกว่าเรา
บทว่า โอมาโน ถือตัวว่าเลวกว่าเขา คือ ถือตนว่าต่ำโดยชาติเป็นต้น คือ ถือตัวว่า เราเป็นคนเลวนั่นแหละ
บทว่า อธิมาโน ถือตัวยิ่ง คือ มานะว่า เราบรรลุสัจธรรม ๔ ซึ่งไม่มีผู้บรรลุเลย. อธิมานะนี้เกิดแก่ปุถุชนผู้มีศีลบริสุทธิ์ไม่ประมาทในกรรมฐาน กำหนดนามรูปข้ามสงสัยโดยกำหนดปัจจัย ยกขึ้นสู่พระไตรลักษณ์พิจารณาสังขาร ปรารภวิปัสสนา ไม่เกิดแก่ผู้อื่น
บทว่า อสฺมิมาโน ถือเรา คือ มานะว่าเรามีอยู่ในขันธ์มีรูปเป็นต้น. ท่านอธิบายว่า มีมานะเกิดขึ้นด้วยบทมีอาทิว่า อห รูป - รูปเป็นเรา เราคือรูป
บทว่า มิจฺฉามาโน มานะผิ คือ มานะเกิดขึ้นด้วยบทมีอาทิว่า ปาปเกน กมฺมายตนา - กัมมายตนะเกิดด้วยความลามก
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณยินดีด้วยความเคารพในกุศลจิตธรรมทานค่ะ
สาธุครับ