"ผู้ที่ให้ทานที่เศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม ถ้าให้โดยไม่เคารพ ไม่นอบน้อม ไม่ให้ด้วยมือของตนเองหรือว่าให้ของเหลือๆ และไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อผลของกรรมคือ การให้ทานนั้น เมื่อทานนั้นให้ผล จิตของผู้ให้ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี เสื้อผ้าอย่างดีและกามคุณอย่างดี กามคุณ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสต่างๆ ที่น่าพอใจนั่นเองและแม้แต่บริวารของผู้ให้นั้น เช่น บุตร ภรรยา ทาส คนใช้ คนรับจ้างทำงานก็ไม่เชื่อฟังแต่ถึงแม้ว่าวัตถุทานนั้นจะเศร้าหมอง แต่ผู้ให้ให้ด้วยความเคารพ ด้วยควานอบน้อมให้ของที่ไม่ใช่ของเหลือ และเป็นผู้ที่เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม ผลของทานนั้นก็ตรงกันข้ามกับผู้ที่ให้ด้วยความไม่นอบน้อมและ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม"รบกวนช่วยอธิบายหน่อยค่ะ และ"ไม่ให้ด้วยมือของตนเอง" หมายถึงอย่างนี้จริงๆ หรือมีนัยอื่นไหมคะ
คำว่า ไม่ให้ด้วยมือของตน คือฝากคนอื่นเขาให้ทานแทน สั่งให้ลูกน้องทำแทนเป็นต้น ซึ่งการให้ทานในลักษณะนี้สภาพของจิตมีกำลังอ่อน ไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ มีเจตนาให้นิดหนึ่ง แต่ยังมีความตระหนี่เป็นบริวารอยู่มาก ผลของทานจึงเป็นไปตามเหตุและอัธยาศัยตระหนี่ก็สะสมมามาก จึงไม่ยอมใช้สอยของดีคนรอบข้างก็ไม่มีความรัก ไม่มีความเคารพหรือเชื่อฟังเพราะเขาตระหนี่
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ทานจะมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ขึ้นอยูกับสภาพจิตเป็นสำคัญด้วย คือให้ด้วยจิตผ่องใสทั้ง 3 กาล คือก่อนให้ ขณะให้และหลังให้ก็มีจิตผ่องใส รวมทั้งประกอบด้วยปัญญา และบุคคลผู้รับเป็นผู้มีคุณธรรมมาก ทานก็ย่อมมึคุณภาพ มีอานิสงส์มาก ซึ่งสำหรับการให้สิ่งของที่ไม่เหมาะกับเรา แล้วให้กับบุคคลที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่สมควร เป็นความสันโดษที่เรียกว่า ยถาสารุปปสันโดษ สันโดษตามความเหมาะสม ส่วนทานจะมีคุณภาพมากหรือไม่นั้น ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
สาธุ
* * * ขออนุโมทนาค่ะ * * *
ตอบความเห็นที่ ให้เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใช้ ถ้าเป็นผ้าที่ดีกว่าเราใส่ ก็เป็นสามีทานค่ะ เศรษฐีคนหนึ่งพบพระปัจเจกพระพุทธเจ้าระหว่างทางก็เลื่อมใส สั่งให้คนที่บ้านเอาอาหารมาให้ แต่ภายหลังก็เกิดเสียดาย คิดว่าอาหารนั้นควรให้กับคนงานมากกว่า ผลของการให้ทานทำให้มีทรัพย์สมบัติมาก แต่เพราะจิตที่ให้แล้วเสียดาย ทำให้จิตไม่น้อมไปในการใช้ของประณีต เช่น บางคนรวยแต่ก็ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ไม่บริโภคอาหารประณีตค่ะ
แต่ถ้าการไม่ได้ให้ด้วยมือของตน แต่ตั้งใจให้เป็นอุบายสอนลูก เช่น ให้ลูกๆ เป็นคนยกผลไม้ไปให้ผู้ใหญ่ เตรียมของใส่บาตรให้ญาติผู้ใหญ่ที่นอนเจ็บและนิมนต์พระให้เข้ามารับบิณฑบาตให้เสร็จสรรพ สภาพจิตไม่ได้มีกำลังอ่อน เจตนาก็เต็มที่ นึกถึงแล้วก็ชื่นใจ ผลก็เป็นไปตามเหตุใช่ไหมคะ ถึงแม้จะไม่ได้ให้เอง
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จากความเห็นที่ ๑๐
ดังนั้นแสดงให้เห็นว่า มีความต้องการที่ให้คนอื่น (ลูก) ให้มากกว่า ที่ตัวเองที่คิดจะให้เอง คือคิดจะให้กับพระภิกษุ เจตนาที่คิดจะให้กับพระภิกษุด้วยตนเองโดยตรงกับเจตนาที่อยากให้ลูกได้ให้แทนจึงต่างกัน มีเจตนาที่จะให้ทั้งสองอย่าง แต่เจตนามีกำลังต่างกันเพราะขณะนั้นคิดที่จะให้ลูกให้ แต่ไม่ใช่ให้ด้วยตนเอง ขณะนั้นมีเจตนาให้กับผู้ที่รับมากกว่ากรณีให้ลูกให้ครับ ซึ่งการนึกถึงทานที่ตัวเองให้เองอาจจะผ่องใสมากกว่ากรณีลูกให้ แต่ที่สำคัญแม้จิตแช่มชื่นที่นึกถึงทานไม่ว่ากรณีใด อาจเป็นโลภะที่โสมนัสก็ได้ครับ จึงเป็นเรื่องละเอียดจริงๆ อย่างไรก็ตามกุศลก็คือกุศลเป็นสิ่งที่ดี แม้จะไม่ให้ด้วยมือของตนก็ตามครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในการให้ทุกๆ ประการครับ