ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สนทนาธรรม ที่เขาเต่า๑-๔ สิงหาคม ๒๕๓๗
ท่านอาจารย์ ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับ "ผลของกรรม" หลีกเลี่ยง ไม่ได้ เป็น ของธรรมดา แต่ "ความเข้าใจ" มีหรือเปล่า และ "เข้าใจ" ว่า อย่างไร ถ้าหลีกเลี่ยงได้ แต่ "จิต" เป็นโทสะ หรือ โลภะ ก็เพราะว่า "ปัญญา" ไม่เกิด แต่ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นมา ปรากฏถ้า มี "เหตุปัจจัย" ... "ปัญญา" ก็เกิดได้ เพราะฉะนั้น "กุศลจิต" เกิดแทนที่ "อกุศล" ได้ทุกเมื่อ ถ้า "โยนิโสมนสิการ" หมายความว่า "กุศลจิต" เกิดขึ้น แทน "อกุศลจิต" ได้เพราะว่ามี "เหตุปัจจัย" และ "กุศลญาณสัมปยุตจิต" เกิดแทน
"กุศลญาณวิปยุตจิต" เมื่อ "สติ" ระลึก ตรง "ลักษณะ" และ "ปัญญา" รู้ "สภาพธรรม"ตามปกติ ตามความเป็นจริง จนถึงที่สุด คือ ไม่ใช่ทั้ง "กุศลจิต" และ "อกุศลจิต" แต่ เป็น "กิริยาจิต" หลังจาก รับ "ผลของกรรม" คือ วิบากจิต เมื่อ บรรลุอริยสัจจธรรม เป็น "พระอรหันต์" เพราะฉะนั้น เริ่มจาก "ความเข้าใจ" สภาพธรรม ในชีวิตปกติ ประจำวันนี้เองที่เป็น "ปัญญาต่างๆ ระดับ" ของแต่ละบุคคล อาศัย การฟัง ... ฟัง ให้ เข้าใจ ฟัง จนกว่าจะ เข้าใจ มากขึ้นๆ เข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจำวันตามปกติ ตามความเป็นจริง และ ต้อง เข้าใจ "เหตุ" ของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นด้วย "ความเข้าใจ" ใน "เหตุ" เป็นประโยชน์ เป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง มิฉะนั้นก็ต้องเวียนว่าย อยู่กับ โลภะ โทสะ โมหะ
เพราะมี "กรรม" เป็น "เหตุ" .. "กรรม" ทำให้เกิด "วิบาก" .. "กรรม" ทำให้เกิด "รูปธรรม" และ "นามธรรม" .. "กรรม" เป็น "เหตุ" หมายความว่า "กรรม" ทำให้เกิด การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การกระทบสัมผัส และ การคิดนึก การรับ "ผล" ของกรรม มาจาก "เหตุ" คือ กรรม เป็นเรื่องของกรรมโดยตรง เพราะ "เหตุ" คือ การสะสมอุศลกรรมมามาก จึงเป็น "ปัจจัย" ให้เกิด "อกุศลวิบาก" มาก และ เกิดอยู่เรื่อยๆ แต่ อาศัย "การฟังพระธรรม" จนเกิด "ความเข้าใจ" มากขึ้นๆ นี่คือ "เหตุ" ที่จะทำให้ "กุศลจิต" เกิดแทนที่ "อกุศลจิต" ได้ แทนที่ "อกุศลจิต" จะเกิดมาก หรือ เกิดนาน แต่ "อกุศลจิต" ก็เกิดได้ ไม่ใชไม่เกิด
แต่ว่า ... เราสามารถที่จะ "เข้าใจความจริง" ได้ ไม่ใช่ "การบังคับ" ไม่ให้ "อกุศลจิต" เกิด แต่เป็น "การรู้" ว่า ขณะนั้น "จิต" เป็น "อกุศล" โลภะ โทสะ โมหะ ในชีวิตประจำวัน บังคับบัญชาไม่ได้ แต่ "สะสมปัญญา" ได้ ศึกษาธรรม ฟังธรรม พิจารณาธรรม สนทนาธรรม และ ประพฤติปฏิบัติธรรม ด้วย "ความเข้าใจถูก" เพื่อ "สะสมปัญญา" เพราะฉะนั้น แม้โลภะ โทสะ โมหะ จะเกิด ก็เกิด ตามเหตุ ตามปัจจัย แต่ เราค่อยๆ "เข้าใจ" .. "ปัญญา" ค่อยๆ เกิด
"ปัญญา" ทำกิจหน้าที่ "ตามกำลัง" ที่มี เราจะเห็นตามความจริง ว่า กำลังของปัญญา มีน้อย หรือ มาก เช่น ขณะที่โกรธ แล้วไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แสดงว่า "ปัญญา" ยังมีน้อย แต่ถ้าโกรธ แล้ว "เข้าใจ" ทันทีว่า เพราะกำลังรับ "ผลของกรรม" คือ "อกุศลวิบาก "ขณะที่ "เข้าใจ" อย่างนี้ ก็คือ ปัญญาเกิดแล้ว แม้จะเป็นเพียง "ชั่วขณะที่สั้นมากๆ " เท่านั้น แต่ ก็ยังดีกว่าที่ "ปัญญา" จะไม่เกิดเลย "สติ" ระลึก ตรง "ลักษณะ" ของ ปรมัตถธรรม เท่านั้น "ปัญญา" รู้ ปรมัตถธรรม ที่ "สติ" ระลึก "สติ" เกิดเพียงชั่วขณะที่สั้นนิดเดียว "สติสัมปชัญญะ" ระลึก ตรง "ลักษณะ" ของ "ปรมัตถธรรม" ที่ "กำลังปรากฏ" เท่านั้นโดยไม่ได้บังคับ ไม่ได้ต้องการ ไม่ได้สร้างขึ้น สภาพธรรม ที่เกิด ปรากฏแล้ว ขณะนี้คือ สิ่งที่ "สติ" ระลึก และ "ปัญญา" รู้ สภาพธรรมนั้น ได้
(ขออนุโมทนา ท่าน ... ผู้เอื้อเฟื้อรูปภาพ ค่ะ)
... ขออนุโมทนา ...
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาบุญและกราบแทบเท้าท่านอาจารย์อย่างสุดซึ้ง
"กุศลจิต" เกิดแทนที่ "อกุศล" ได้ทุกเมื่อ ... ถ้า "โยนิโสมนสิการ".!
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาครับ