สัญญาเจตสิก
โดย ใหญ่ราชบุรี  23 ก.ค. 2558
หัวข้อหมายเลข 26814

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเรียนถามค่ะ "สัญญาเจตสิก" มีลักษณะมีกิจหน้าที่ประการใด สัญญาเจตสิก "จำ"อะไรบ้าง "จำ" ขณะใดหรือเมื่อไร สัญญาเจตสิก มีกำลังหรือไม่ ที่จะจำไม่ได้ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง -หรือจำได้ครบถ้วน สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวง ความจำสะสมสืบต่อไปในจิตดวงต่อไปหรือไม่ ทำไม"ลืม"ได้ อะไรเกิดขึ้น จึงลืม

ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้คำอธิบายค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 23 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเป็นอย่างอื่น สิ่งที่มีจริงทั้งหมดนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงให้สัตว์โลกได้เข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้ อย่างแท้จริง สำหรับสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยนั้น ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เกิดมาแล้ว จะดำรงยั่งยืน เที่ยง ไม่ดับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สังขารแม้อย่างหนึ่ง ที่เที่ยง ย่อมไม่มี นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรม

สัญญาเจตสิกไม่เปลี่ยนลักษณะ คือ ทำหน้าที่ที่จำ แต่สัญญาเจตสิก ไม่ได้ทำหน้าที่นึกขึ้นได้ สภาพธรรมที่ตรึกนึ้นได้ ด้วยวิตกเจตสิก และสติเจตสิก แล้วแต่ว่าจะเป็นไปในทางกุศล หรือ อกุศลที่นึกขึ้นได้ ครับ ซึ่งแต่ละบุคคล หรือ แต่ละจิตก็สะสมมาแตกต่างกันไปหลากหลายอย่างยิ่ง สัญญาจำในอารมณ์ทุกขณะ แต่จะตรึกนึกขึ้นได้ก็ตามการใส่ใจในเรื่องนั้น และตามการสะสมของแต่ละคน จึงมีบางบุคคลที่มีความจำดี นึกขึ้นได้ในเรื่องต่างๆ แม้นานหรือละเอียด ก็นึกขึ้นได้ แต่บางบุคคลก็นึกในรายละเอียดไม่ได้ เพราะฉะนั้น การสะสมการใส่ใจ การตรึก ในแต่ละเรื่องที่สะสมมา จึงแตกต่างกัน เพราะการใส่ใจ สนใจ ในแต่ละเรื่องก็แตกต่างกันไปตามที่สะสมกันมาที่ยาวนานและเนิ่นนาน อย่างเช่น บางท่านก็ลืม นึกไม่ออกในบางเรื่อง แต่บางเรื่องกับนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่บางบุคคล เรื่องเดียวกันกับที่คนอื่นลืม เช่น เรื่องเส้นทาง แต่คนนี้กลับนึกขึ้นได้อย่างละเอียด แต่บางเรื่องกลับลืมนึกขึ้นได้ ครับ

นี่แสดงว่า สัญญาทำหน้าที่จำไม่เปลี่ยน แต่การนึกขึ้นได้ ก็ตามการสะสมของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันในการใส่ใจ สนใจในเรื่องนั้นที่สะสมมาเนิ่นนาน ที่แตกต่างกันไป ครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 23 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อกล่าวถึงธรรม ก็ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งเท่านั้น เมื่อกล่าวถึงธรรมที่เป็นเจตสิกแต่ละอย่าง ก็จะเกิดร่วมกันกับเจตสิกอื่นๆ ที่เกิดร่วมด้วยและเกิดร่วมกับจิตในขณะนั้น สัญญาเป็นสภาพที่จำ เกิดกับจิตทุกขณะ กิจของสัญญาคือจำหมายในอารมณ์ แต่ที่บอกว่าจำไม่ได้ ก็เพราะตรึกไม่ได้นั่นเอง ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ แต่ว่ากิจของกิจ ของสัญญาย่อมไม่เปลี่ยน สัญญาเจตสิกเดิมที่จำในอารมณ์และดับไปแล้วก็สืบต่อการจำนั้นไว้ในจิตขณะต่อๆ ไป เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะมีการคิดถึงสิ่งนั้นวิตกก็ตรึกถึงสิ่งที่เคยจำ และในขณะนั้นก็ต้องมีสัญญาเจตสิกที่เกิดขึ้นทำกิจจำอีก ดังนั้น ถ้ามีการตรึกถึงสิ่งที่เคยจำในเรื่องหนึ่งเรื่องใดบ่อยๆ ก็ยิ่งมีความจำในเรื่องนั้นมั่นคงขึ้น สืบต่อสะสมการจำในเรื่องนั้น ต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย tanrat  วันที่ 23 ก.ค. 2558

จำ กับนึกถึงสิ่งที่ได้จำมา ละเอียดมากขึ้น เผินไม่ได้ นี่คือพระมหากรุณาคุณที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงต่อพุทธบริษัท

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย thilda  วันที่ 23 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย kullawat  วันที่ 24 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย peem  วันที่ 25 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย nano16233  วันที่ 26 ก.ค. 2558

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 9    โดย chatchai.k  วันที่ 23 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย Jarunee.A  วันที่ 24 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย nattawan  วันที่ 23 ก.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ