กรณี บุคคลสองคนบริจาค ไข่และเสปิร์ม มีหมอผู้ทำการผสมไข่ในหลอดแก้ว มีแม่อุ้มบุญรับตั้งท้อง มีพ่อแม่ที่เป็นผู้ออกเงินทำการทั้งหมด และรับเลี้ยงดูเป็นบุตร ใครคือบิดามารดาของเด็ก?
เด็กควรแสดงกตัญญูต่อบุคคลข้างต้นอย่างไร ในฐานะใด ด้วยเหตุผลใดโดยธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บิดา มารดา มีหลากหลายนัยดังต่อไปนี้
บิดา มารดา เพราะเป็นผู้ให้กำเนิดบุตร
บิดา มารดา เพราะเป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นของบุตร
บิดา มารดา เพราะเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร
เพราะฉะนั้น จากกรณีที่ยกตัวอย่างมานั้น ผู้ที่บริจาคไข่และสเปิร์ม ซึ่งเป็นใครไม่ทราบ ก็ชื่อเป็นบิดา มารดาได้ โดยนัยเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด แม้ผู้หญิงที่อุ้มท้องและคลอดเรามา ก็ชื่อว่าเป็นมารดาด้วย โดยนัยเป็นผู้ให้กำเนิด และผู้ที่ออกค่าใช้จ่าย และเลี้ยงดู ก็ชื่อว่าเป็นบิดา มารดาเช่นกัน โดยนัยเลี้ยงดู เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นบุตรควรปฏิบัติหน้าที่ของบุตรอันสมควร กับบิดา มารดา ในแต่ละนัยตามสมควร โดยเป็นผู้กตัญญููรู้คุณ เช่น การให้ทรัพย์ ที่ตนเองหามาได้โดยชอบธรรม กับมารดา ที่เป็นผู้อุ้มท้องแทน เป็นต้น ตามสมควร และการไปช่วยเหลือกิจการงานต่างๆ ส่วนผู้ที่มอบไข่และสเปิร์ม ก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นใคร แต่ผู้ที่เป็นบุตร ก็สามารถน้อมระลึกถึงคุณของผู้ที่บริจาคได้ และหากทราบว่าใคร ก็สามารถที่จะช่วยเหลือตามกำลังของตนเท่าที่ทำได้ ครับ
ส่วนมารดา บิดาที่เลี้ยงดูมา แม้จะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่ก็เป็นบิดา มารดา เพราะเป็นผู้แนะนำสั่งสอน และเลี้ยงดูจนเติบโต ก็ชื่อว่ามีพระคุณ ดังเช่นบิดามารดา ผู้ให้กำเนิด ก็ควรเลี้ยงดู ตอบแทนท่าน ทั้งการช่วยเหลือกิจการงาน การประพฤติตนให้เหมาะสม ให้ทรัพย์ที่หามาได้กับท่าน เมื่อท่านจากไป ก็ทำบุญอุทิศกุศลไปให้ครับ
เพราะฉะนั้น ให้ย้อนกลับมาที่ตัวสภาพธรรมจริงๆ คือกุศลธรรม มีความกตัญญู รู้คุณ เป็นต้นว่า ไม่ได้เลือกเลยว่าควรเกิดกับใคร เพราะคุณความดี ควรให้กับทุกๆ คน
ดังนั้น บิดามารดา จึงมีหลากหลายนัยตามที่กล่าวมา ผู้ที่รู้คุณและเคารพคุณความดีย่อมตอบแทนพระคุณของมารดา บิดา โดยนัยต่างๆ ทั้งหมดตามสมควรและตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะป็นบิดา มารดาที่ไม่ได้ให้กำเนิดแต่เลี้ยงดูเรามา ก็ควรตอบแทนคุณท่าน และแม้มารดาผู้ให้กำเนิดแต่ไม่ได้เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็กเลยหรือทำไม่ดีกับเรา ในตอนเป็นเด็ก ผู้ที่รู้คุณความดี เป็นบุตร ย่อมจะตอบแทนคุณท่านในฐานะผู้ให้กำเนิด ส่วนความไม่ดีของมารดา ก็เป็นความไม่ดีของท่าน ไม่ควรจะเอามาปะปนกับการที่บุตรจะตอบแทนคุณของท่านตามกำลังของตนเท่าที่ทำได้ ครับ
ความดี มีความกตัญญู ควรสาธารณะและมอบให้ ไม่ว่าใคร ไม่ว่าจะมีพระคุณเพียงเล็กน้อย ก็ควรกระทำความดีตอบแทนพระคุณ จึงไม่ได้แบ่งเลยว่าใครเป็นบิดา มารดาจริง ในทางโลก ผู้ใดมีพระคุณก็ควรตอบแทนตามฐานะ ตามความเหมาะสมเท่าที่ทำได้ แต่หากพิจารณาความละเอียดของธรรมลงไปในเรื่องบิดามารดาที่แท้จริงแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ ที่จะเป็นไปในการดับกิเลส เพราะในความเป็นจริง ผู้ที่เป็นมารดา บิดา บิดาที่แท้จริงคือ กรรมที่บุคคลทําไว้ เป็นดังเช่น มารดาบิดา ที่ทำให้เกิดขึ้นมา เกิดปฏิสนธิจิตได้ เพราะอาศัยกรรมเป็นปัจจัย และที่ละเอียดลงไปกว่านั้น มารดา บิดาที่แท้จริง คืออวิชชา ความไม่รู้ ที่เป็นต้นเหตุ ให้สัตว์เกิด เพราะมีอวิชชา จึงทำกรรมต่างๆ และเป็นเหตุให้สัตว์เกิดและตาย ไม่มีที่สิ้นสุด นํามาซึ่งทุกข์ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ควรฆ่ามารดา คือ กิเลส มีความไม่รู้และความเห็นผิดด้วยการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมทำให้รู้จักคุณความดีและตอบแทนผู้มีพระคุณ และที่สำคัญที่สุด ย่อมทำให้ละ บิดา มารดาที่แท้จริง อันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ได้ คือละอวิชชา กิเลสประการต่างๆ ละกรรมจนหมดสิ้น ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเกิด ไม่ว่าจะเป็นในภพภูมิใด นั่นแสดงถึงความเป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ยังไม่ได้ดับตัณหา ยังไม่ได้ดับอวิชชา สังสารวัฏฏ์ก็ยังต้องเป็นไป
ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุคติภูมิ เป็นได้ด้วยผลของกุศลกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ยากแสนยาก แต่ละบุคคลย่อมมีมารดาบิดาด้วยกันทั้งนั้น เพราะท่านทั้งสองเป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร เป็นผู้เลี้ยงดูให้เจริญเติบโต เป็นผู้ประกอบด้วยความรัก ความเอ็นดู ต่อบุตร ธิดา เป็นต้น การที่บุตร ธิดาได้รู้ว่าท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณมากมายมหาศาล แล้วทำการเลี้ยงดู ปรนนิบัติเอาใจใส่ ดูแลท่านเป็นการตอบแทน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งดำรงตนอยู่ในความถูกต้องดีงาม ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรจะพึงกระทำทั้งนั้น และที่สำคัญ ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่เป็นมารดา บิดาเท่านั้น แต่ควรที่จะมีความประพฤติที่ดีงาม กระทำในสิ่งที่ดี ต่อกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
เพราะความดีเป็นความดี เป็นสภาพธรรมที่ควรชื่นชม ยกย่อง สรรเสริญ เป็นธรรมที่ควรอบรมเจริญให้มีขึ้นทั้งนั้น
ประการที่สำคัญที่สุด ถ้าผู้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับ ความเข้าใจพระธรรมนี้แหละก็จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูล ให้ท่านได้เจริญกุศล คือ การตอบแทนพระคุณแก่ผู้ที่เป็นมารดา บิดา ให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
แล้วแต่โอกาสที่จะทดแทนพระคุณของมารดา บิดาทั้งสองฝ่าย เพราะว่าความต้องการของมารดา ที่จะทดแทนไม่เหมือนกัน ที่สำคัญ ให้ความเคารพนับถือเสมอกัน โอกาสที่จะทดแทนคนไหนก่อน ก็ทำไปเลย เพราะโอกาสของการทดแทนคุณของพ่อ แม่ เป็นนาทีทองของการทำความดี ค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ