ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๔
~ พระธรรม ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งที่จะต้องดำรงรักษาไว้เพื่อจะได้ไม่อันตรธาน (สูญสิ้น) เพราะมีค่าอย่างยิ่งในชีวิต ไม่มีสิ่งใดประเสริฐสุดเท่าปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง มาจากไหน? คิดเองไม่ได้ ต้องมาจากผู้ได้ตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงความจริงให้ได้ฟังแล้วไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจของตนเอง
~ ถ้าทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้คนอื่น รู้ไหมว่า นั่นคือ ประโยชน์ของตนเอง ไม่ต้องไปหาประโยชน์มาให้ตัวเองอีก แค่นั้นแหละนั่นก็เป็นประโยชน์ของตนเองแล้ว เพราะสามารถที่จะทำความดีได้ สามารถที่จะละความติดข้อง แล้วก็สามารถที่จะเห็นว่าคนอื่นที่เราสามารถที่จะช่วยเขาได้ในทุกอย่าง ด้วยความหวังดีอย่างแท้จริง นั่นคือ ความเป็นมิตรที่ดี เพราะฉะนั้น มิตรที่ดี ก็คือ ให้ความจริง ให้ประโยชน์ แล้วก็หวังดี ความเป็นมิตรคือความไม่โกรธ เวลาที่โกรธใคร รู้ได้เลย ขณะนั้นไม่ใช่มิตรของคนนั้น จึงสามารถที่จะโกรธเขาได้
~ ทุกอย่างที่เป็นกุศลในชีวิตประจำวัน ทำแล้วหรือยัง หรือว่ายังทำไม่ได้ ถ้าชาตินี้ทำไม่ได้ ชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร คิดว่าชาติต่อไปจะทำได้หรือถ้าชาตินี้ทำไม่ได้? ในเมื่อชาตินี้ยังยาก ชาติหน้าย่อมยากยิ่งขึ้นไปอีก
~ ขณะใดที่ความดีเกิดขึ้น ไม่ทำร้ายตนเองและไม่ทำร้ายคนอื่น อกุศลเป็นศัตรู แต่คุณความดีเป็นมิตร เรามีความดี คือ ความหวังดี เกื้อกูล อดทนที่จะให้คนอื่นเกิดปัญญา อดทนรอให้เขาเป็นคนดี ไม่ว่าคำพูดของเขาจะร้ายต่อเรา หรือจะทำอะไรต่อเราก็ตาม แต่ความเป็นมิตรที่แท้จริงจะทำให้สามารถอดทนคอย จนกระทั่งพระธรรมทำให้เขาเป็นคนดีได้
~ ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ เป็นโอกาสที่ประเสริฐที่จะสามารถบำเพ็ญความดีหรือทำความดีได้ทุกโอกาส แล้วก็ไม่ควรประมาทแม้ความดีเพียงเล็กน้อยด้วย เพราะว่าขณะใดก็ตามที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นเป็นอกุศล แล้วก็ไม่ใช่ขณะเดียว แต่เพิ่มขึ้นๆ แต่ละขณะมากมายมหาศาล
~ เกิดมาเพราะกุศลกรรมทำให้เป็นมนุษย์ แต่ก็ยังไม่พอ เพราะว่าสะสมอกุศลมามาก เพราะฉะนั้น ทำความดีทุกโอกาสก็ยังไม่พอ ต้องเข้าใจธรรมด้วย เพราะว่าหลายคนก็เกิดมาก็เป็นคนดีตามการสะสม แต่ก็เป็นคนที่ไม่สามารถที่จะรู้จักธรรมตามความเป็นจริงได้
~ เป็นมิตรที่หวังดีจริงๆ ให้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เขาจะไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็มีความหวังดี ถึงที่สุด แล้วแต่ว่ากาลไหน โอกาสไหน ก็ตามแต่ ก็พูดคำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ เปิดเผยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คนได้พิจารณาไตร่ตรอง เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ ให้เขาเข้าใจจริงๆ ว่า อะไรถูก อะไรผิด ถ้ามีความเข้าใจมากขึ้น คนก็จะรู้ได้ว่า อะไรที่ผิด ไม่ควรที่จะส่งเสริม เพราะฉะนั้น ก็จะไม่มีการที่จะทำสิ่งที่ผิดๆ ต่อไป แต่ที่ยังคงทำผิดต่อไป เพราะเหตุว่าไม่เข้าใจพระธรรมวินัย
~ กังวลใจทำไม เดือดร้อนใจทำไม ในเมื่อรู้ความจริงว่า ไม่มีใครสามารถที่จะดลบันดาลได้ ทำดีที่สุด เพราะว่า ชีวิตสั้นมาก ใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น โอกาสที่ประเสริฐที่สุด ก็คือ ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ทำดีที่สุดและเข้าใจพระธรรม
~ เราโกรธคนอื่น เห็นแต่ความไม่ดีของคนอื่น ในขณะนั้น คนที่เราโกรธนั้นกำลังสบาย แต่เรากำลังเติมความดำความสกปรกให้กับจิตใจของเรา ซึ่งคนอื่นก็เอาความดำความสกปรกของจิตใจเราออกไม่ได้ นอกจากปัญญาของเราเอง เพราะฉะนั้น ปัญญาจะทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจเหตุผลได้ตามความเป็นจริง เห็นอกุศลเป็นอกุศล แล้วก็เห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริง
~ ถ้ารู้ว่าเป็นธรรม จะโกรธอะไร? ธรรมมีปัจจัยก็เกิดแล้วก็ดับไป แต่เพราะยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราก็ทำให้มีอกุศลประเภทต่างๆ เกิดขึ้น
~ โลภะ เกิด คนนั้นเห็นอะไรชอบหมดทุกอย่างเลย อยากจะได้ไปหมด ถ้าคนไหนที่สะสมความขุ่นเคืองใจ คนนั้นก็มักโกรธ เจออะไรนิดหนึ่งก็ไม่ถูกใจ เพราะเหตุว่าสะสมสะสมไว้เรื่อยๆ บางคนก็เป็นคนที่ริษยา เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นคนที่สะสมความริษยาไว้ ความริษยาก็มีมากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้สะสมมา
~ ควรจะเป็นคนดีไหม? แค่นี้ เคยคิดบ้างไหม ว่า ในวันหนึ่งๆ เราเห็นคนไม่ดี คนชั่ว คนทำทุจริตมากมาย จะเป็นอย่างนั้นไหม? และใครก็จะมารับผิดชอบแทนเรา ไม่ได้
~ ไปสำนักปฏิบัติ ทำอะไร เข้าใจอะไรหรือเปล่า? ไม่เข้าใจอะไรเลย ได้แต่ทำตาม เพราะฉะนั้น ก็เป็นศาสนาที่ให้ทำตาม แต่ไม่ได้ให้เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น จึงไม่ใช่พระพุทธศาสนา เพราะไม่เข้าใจ
~ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมให้คนอื่นเข้าใจ คนที่เข้าใจแล้วเห็นประโยชน์ ก็มีความเป็นเพื่อนที่ดีที่จะให้คนอื่นได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เข้าใจพระองค์และดำรงคำสอนของพระองค์ต่อไปด้วย นี่คือ การเคารพสูงสุดในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ท่านที่อบรมเจริญเมตตาจริงๆ ต้องไม่ปรารถนาทุกข์แก่คนอื่น เพราะฉะนั้น ถ้าท่านมีโทสะแม้นิดเดียว อาจจะลืมว่า ขณะใดที่โทสะเกิด ขณะนั้นปรารถนาทุกข์แก่ผู้นั้นแล้ว ไม่ว่าท่านจะโกรธใครก็ตาม เพราะฉะนั้น ถ้าเพียงแต่คิดจะเจริญเมตตามากๆ แต่กายวาจาก็ยังก่อทุกข์ให้คนอื่นอยู่บ้างแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ขณะนั้นก็แสดงว่า ยังเป็นผู้ไม่ละเอียด แต่ถ้าเป็นผู้ที่ละเอียดจริงๆ ก็ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม แล้วก็เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่ทรงแสดงละเอียดขึ้นๆ ในทุกเรื่อง
~ ไม่มีใครปรารถนาทุกข์ แต่ทุกคนมีทุกข์ เพราะฉะนั้น ก็ต้องรู้ด้วยว่า อะไรเป็นเหตุของทุกข์ เหตุของทุกข์คือโลภะนั่นเอง เมื่อมีความปรารถนาสุข เมื่อมีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วไม่ได้ความสุขที่ต้องการ ขณะนั้นจึงเป็นทุกข์ แต่ลองคิดถึงผู้ที่ไม่มีความปรารถนาอะไรเลย ดับความปรารถนาหมด ผู้นั้นจะเป็นทุกข์ได้อย่างไร
~ ทุกข์มาจากกิเลส เพราะฉะนั้นทุกคนมีกิเลสเยอะ แสวงหามากๆ แสวงหาเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ โดยที่ไม่รู้ว่า นั่นคือ ทุกข์จริงๆ เพราะเหตุว่า จะนำมาซึ่งความไม่พอ โลภะเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม แล้วเป็นเหตุให้เกิดโทสะด้วย แล้วเราก็อยู่ในโลกของสังสารวัฏฏ์ เพราะว่ามีเหตุที่จะให้เกิด คือ โลภะยังเต็มเพียบอยู่ เราก็จะต้องเกิดต่อไป
~ ถ้ารู้ความจริงของธรรม ถ้าเกิดพลัดพรากจากคนที่เป็นที่รัก จะเดือดร้อนไหม เป็นธรรมดาหรือเปล่า พลัดพรากมาแล้วนานเท่าไหร่ ชาติก่อนๆ ก็พลัดพรากจากชาติก่อนหมดเลย ไม่เหลือเลย ชาตินี้ก็พลัดพรากอยู่ทุกขณะ จนกว่าจะถึงขณะสุดท้าย ซึ่งไม่เหลืออีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก็พลัดพรากโดยตลอด เดือดร้อนไหม ถ้าเข้าใจถูกต้องว่า เป็นธรรมซึ่งต้องเป็นอย่างนี้ ไม่เป็นอย่างอื่น?
~ ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรม จะไม่รีรอในการทำกุศลทุกประการ ทุกขณะด้วย ทำให้เราเจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งขึ้น เพราะว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราจะไม่อยู่โลกนี้ในวันไหน อาจจะเป็นขณะต่อไปพรุ่งนี้ หรือเดือนนี้ก็ได้
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๓
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบอนุโมทนากุศลธรรมค่ะท่านอาจารย์และกัลยาณมิตร
ขออนุโมทนาครับ
เป็นมิตรที่หวังดีจริงๆ ให้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เขาจะไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็มีความหวังดี ถึงที่สุด แล้วแต่ว่ากาลไหน โอกาสไหน ก็ตามแต่ ก็พูดคำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ เปิดเผยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คนได้พิจารณาไตร่ตรอง เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ทั้งพระธรรมและพระวินัย
กราบแทบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ที่ท่านเมตตากล่าวคำพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไพเราะ ลึกซึ้งมากๆ ค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.คำปั่นค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ทุกคำที่ให้มา จักสิกขาจนเข้าใจ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว น้อมรับไปในธัมมา อาจารย์สุจินต์ตรง มุ่งดำรงพุทธศาสนา เปี่ยมล้นด้วยเมตตา อีกกรุณาเกินประมาณ