สวัสดีค่ะ ดิฉันติดสติ๊กเกอร์ที่ได้จากมูลนิธิฯ ที่หลังรถ ด้วยคิดว่า บางคนเห็นแล้วอาจระลึกถึงธรรมะ หากได้เคยสะสมไว้ แต่มาคิดอีกที ตัวเองก็ยังไม่ใช่ภาชนะที่สะอาดที่จะรองรับพระธรรม ทีนี้เวลาคนที่ไม่เข้าใจพระธรรมจริงๆ เค้าก็จะมองเราว่า ติดไปทำไม ในเมื่อตัวเธอเองยังใจแคบอยู่ ยังนิสัยไม่ดี ยังโง้น ยังงี้ พอคิดแบบนี้ ก็กลัวว่าจะทำให้คนที่ไม่เข้าใจพระธรรมจริงๆ ดูหมิ่นพระธรรม ว่าคนศึกษาพระธรรมแล้วเป็นอย่างนี้เหรอ รบกวนขอความเห็นว่าเราควรคิดอย่างไรถูกดีคะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ประเชิญครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
การติดสติ๊กเกอร์เพื่อเผยแพร่ช่องทางการศึกษาพระธรรมแก่บุคคลทั่วไป เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความศรัทธาในพระรัตนตรัยได้มีโอกาสอบรมเจริญปัญญาและกุศลธรรมตามกำลังของเขาครับ ใครจะว่าเรายังไงก็ไม่เป็นไร คำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่นมาก่อนแล้วทำให้ดีและทำอย่างเต็มที่ที่สุดก็พอครับ สรรเสริญ - นินทาเป็นของคู่โลกอยู่แล้วเค้าจะมองเรายังไง ก็ไม่เท่ากับเราเข้าใจจิตใจของตัวเองถูก-ผิดยังไง คนศึกษาธรรมที่เป็นปุถุชนก็มี ก็เป็นธรรมดาที่ยังมีความไม่ดี คือ มีกิเลสอยู่มาก ก็ไม่ได้หลอกตัวเองว่าหมดจดจากกิเลสแล้ว แต่เป็นผู้ที่กำลังขัดเกลาความไม่ดี ด้วยปัญญา ด้วยความเข้าใจถูก เห็นถูกว่ายังมีกิจที่ต้องกระทำ คือ การขัดเกลากิเลสของตนเองที่ยังมีมากอยู่ ยังไม่ใช่ผู้ที่หมดกิจแล้วอย่างพระอรหันต์ครับ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 17075 โดย ทับทิม
...ดิฉันติดสติ๊กเกอร์ที่ได้จากมูลนิธิฯ ที่หลังรถ...เค้าก็จะมองเราว่า ติดไปทำไม...ควรคิดอย่างไรถูกดีคะ
คิด ก็เป็นธรรมะ สติ๊กเกอร์คล้ายป้ายชี้บอกทางไปบ่อน้ำ เราเคยไปดื่มกินพอให้ได้ชื่นใจมาบ้างแล้ว
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาครับ
ผมเองก็ติดทั้งที่หลังรถและที่ตู้กระจกที่ร้าน
ด้วยความคิดเพียงว่า อาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้พบเห็น ก็เท่านั้นเองครับ
ขออนุโมทนาครับ
จะติดหรือไม่ติดสติ๊กเกอร์นั้น ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนดีหรือไม่ดี และไม่ทำให้พ้นจากการถูกติเตียนได้ เพราะมันก็เป็นธรรมดาของโลก
ศึกษาธรรม เพื่อให้รู้ว่า อะไรคือกุศล อะไรคืออกุศล , จิตที่มีกุศลและอกุศล ก็ล้วนเป็นธรรมดา ในชีวิตประจำวัน , ไม่ใช่บังคับว่า ผู้ศึกษาธรรมแล้ว ทุกๆ คนจะต้องเป็นคนดีและจะต้องมีกุศลจิตตลอดทั้งวัน เพราะว่าอกุศลเป็นสิ่งที่สะสมมายาวนาน ยากที่จะไถ่ถอนจริงๆ ถ้าปัญญาที่จะไถ่ถอนยังไม่มากพอ
เมื่อปัญญารู้ว่า อกุศลจิตนั้นไม่ดี เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ทั้งมวล ควรจะละทิ้งให้หมด ด้วยการศึกษาต่อเพื่อให้ปัญญาเจริญขึ้นอีก จนถึงขั้นที่เห็นโทษภัยของอกุศลนั้นๆ จริงๆ จึงจะละอกุศลธรรมนั้นได้ , แต่ก็ไม่ใช่ให้ไปรังเกียจอกุศลจิต เพราะอกุศลจิตก็เป็นสังขารธรรมซึ่งเป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องมีมาตั้งแต่เกิด ต้องค่อยๆ เจริญปัญญาขัดเกลาด้วยความอดทนและความเพียรที่ไม่สิ้นสุดเท่านั้น
ถ้าอกุศลธรรมอันใด ที่ทำให้ (เรา) ต้องเดือดร้อน ต้องเป็นทุกข์ ก็ยิ่งควรศึกษาเพื่อสะสมเหตุปัจจัยที่จะทำให้ละทิ้งอกุศลนั้นๆ ได้ ...แล้วดับที่เหตุไปทีละขั้น ทีละขั้น ค่อยเป็นค่อยไป
ขออนุโมทนา ทุกดวงจิตที่ใฝ่ธรรม
การติดสติกเกอร์ ก็เป็นการยืนยัน ศรัทธา ที่มั่นคงต่อพระพุทธศาสนา ได้เหมือนกัน ถึงแม้จะยังไม่อาจมีกุศลจิตที่ดีงามได้ตลอดเวลาก็ตาม เพราะ อกุศลจิตเกิดสลับกับกุศลจิต ตลอดเวลา
ซึ่งเป็นประโยชน์นอกจากจะประกาศชัดว่า เราสนใจในการศึกษาธรรม แล้ว เมื่อ บางครั้ง เหลือบไปเห็นสติกเกอร์ ก็จะคอยเตือนสติ สังวร มิให้ อกุศลกรรม เกิดได้ ส่วนคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา ห้ามไม่ให้คิด ไม่ได้ อยู่ที่การสะสมความรู้ความเข้าใจ ของแต่ละคน
เคยผ่าน ไปหน้า ม.ธุรกิ จบัณฑิค มี พุทธภาษิต ติดไว้ข้างใต้ป้ายชื่อ มหาลัย อย่างชัดเจน ว่า "ธัมโม หเว รักขะติ ธัมมะจาริน " ทำให้จำได้ และรู้สึกดี ว่า มีคนสนใจธัมมะของพระพุทธองค์ อยากให้มีคนสนใจมากๆ อย่างนี้บ้าง
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ....
ขออนุโมทนาค่ะ
ติดก็ติด ไม่ติดก็ไม่ติด
ก็เป็นธรรม
อนุโมทนาทุกท่านครับ
มีความกล้าหาญทางจริยธรรมแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ติดไปเลยครับ เจตนาดี
คนอื่นคิดยังไงเรื่องของเขา ธรรมะเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องคิดมาก เรื่องทำ
ความดี ต้องรีบทำเลย มีโอกาสทำเลย เดี๋ยวหมดเวลาจะเสียใจ ก็อนุโมทนาด้วย
ดูที่เจตนาเป็นหลักค่ะ
เห็นด้วยกับความเห็นที่ 7
......................
อนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
สนใจครับ....อยากทราบว่าจะขอสติ๊กเกอร์ได้อย่างไรครับ....
เรียนคุณ bauloy
ช่วงนี้สติ๊กเกอร์ดังกล่าวหมดครับ