อุปสรรคสำหรับการอบรมเจริญปัญญาสำหรับตัวผมและสำหรับหลายๆ คนในตอนนี้คือ มันมักจะคิดว่าเมื่อไรจะบรรลุ ตรงนี้ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องคิดแน่นอนเพราะใครๆ ก็อยากจะแสวงหาความหลุดพ้นกันทั้งนั้น แต่ทุกครั้งในขณะที่กำลังอยาก ก็มีเครื่องขวางกั้นคือตัวโลภะเกิดขึ้นมาทุกครั้ง บางครั้งแค่คิดว่าจะฟังธรรม โลภะก็เกิดแล้วทันที โลภะไม่เคยเปิดโอกาสให้เราได้พิจารณาอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง จิตใจมุ่งหวังแต่จะหลุดพ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งผมคิดว่าจุดนี้คงจะเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงสำหรับผมและคนอื่นๆ ในที่นี้ด้วย ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าเราตัดโลภะให้ขาดได้ ต่อไปในการฟังธรรมก็คงจะไม่ใช่เรื่องเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป แต่สำหรับทุกวันนี้เหน็ดเหนื่อยเนื่องจากโลภะจะคอยบีบบังคับตลอดเวลา มันคอยแต่คิดว่าเมื่อไรจะไปถึงฝั่งเสียทีจะได้เจอสุขนิรันดร์ จะได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอันน่าสังเวชนี้เสียที ผมเองเคยคิดว่า ร่างกายกับจิตใจนี้เป็นตัวทุกข์ตัวแท้ ดังนั้นชาติหน้าผมจึงปรารถนาว่าไม่อยากเกิดอีกแล้ว เกิดอีก ก็ทุกข์อีก ไม่เอาแล้ว ผมอายุพึ่งจะ 20 แต่ก็เคยเจ็บป่วยมานับครั้งไม่ถ้วน ทุกปีจะต้องเจ็บป่วยบ่อยๆ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้รู้จักกับความทุกข์ เพราะยิ่งเห็นทุกข์ก็ยิ่งเห็นธรรม แล้วผมก็ปรารถนาว่า จะหลุดพ้นให้ได้เสียในชาตินี้เลย จึงได้ตั้งใจฟังธรรมไม่หยุดหย่อนเพราะปรารภความเพียรอยู่เสมอ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเห็นโทษของโลภะ ตัณหา จะต้องรู้จักตัวโลภะ จริงๆ ก่อนว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะการเห็นโทษโดยการคิดนึก ไม่ได้ละกิเลส คือ โลภะจริงๆ เพราะจะต้องละความเห็นผิดว่าเป็นเราที่มีโลภะก่อน ครับ ดังคำบรรยายที่ท่านอาจารย์สุจินต์กล่าวไว้ว่า
ต้องเห็นโลภะจึงละโลภะได้
เป็นคนที่ผิดปกติไหมคะ แต่เข้าใจความจริง เพราะเหตุว่าไม่รู้ความจริง ด้วยความไม่รู้ก็ทำให้คิดไปต่างๆ นานา แม้แต่จะปราบโลภะ จะพยายามทำให้โลภะไม่เกิด แต่ด้วยความไม่รู้อะไรเลย ขณะนั้นก็ด้วยโลภะนั่นเองที่มีความต้องการอย่างนั้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่เห็นตัวโลภะด้วยปัญญาจริงๆ ไม่สามารถจะละได้ และการละอกุศลต้องตามลำดับขั้น ละความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยงในขณะที่เห็น ไม่มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ปรากฏแล้วจะไปละโลภะได้อย่างไร ไม่มีทางเลย เรียกว่า “ข้าม” พยายามไปทำอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่หนทางที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ความจริง ซึ่งละเอียด คัมภีร ลึกซึ้ง เวลาที่โกรธ ต้องการอะไรคะ
สุกัญญา ก็ไม่ได้สิ่งที่พอใจ
สุ. ต้องการไม่ให้โกรธ ใช่ไหมคะ
สุกัญญา ใช่ค่ะ
สุ. ไม่ใช่รู้ลักษณะของโกรธซึ่งกำลังปรากฏว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา มิฉะนั้นแล้ว เมื่อไรจะถึงการละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้
เชิญคลิกฟังที่นี่ ครับ
ไม่เห็นโลภะ ไม่เห็นอวิชชา ก็ละไม่ได้
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่ยังมีการเกิดวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ เพราะยังไม่สามารถดับโลภะได้นั่นเอง โลภะ มีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เกิดขึ้นเมื่อใดก็ทำกิจของตน คือ ติดข้อง ไม่สละ ไม่ปล่อยให้จิตเป็นกุศล และลึกไปกว่านั้น ไม่ปล่อยให้ออกไปจากสังสารวัฏฏ์ ตราบใดที่ยังมีโลภะอยู่ เพราะผู้ที่สิ้นโลภะอย่างเด็ดขาดก็คือ พระอรหันต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม ตลอด ๔๕ พรรษา เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษา ได้พิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมทั้งหมด เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้ว แม้แต่โลภะ ซึ่งเป็นความติดข้องยินดีพอใจก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นตามการสะสมมาของแต่ละบุคคล พอใจในรูปบ้าง พอใจในเสียงบ้าง พอใจในกลิ่นบ้าง พอใจในรสบ้าง พอใจในสิ่งที่กระทบสัมผัสกายบ้าง เป็นต้น ชีวิตประจำวัน ยากที่จะพ้นไปจากโลภะได้ มีมากจริงๆ หรือ แม้กระทั่งอยากที่จะบรรลุ อยากรู้มากๆ ก็ไม่พ้นจากความเป็นทาสของโลภะ
สิ่งที่สำคัญจึงอยู่ที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ถึงแม้ว่าตนเองจะยังมีโลภะอยู่ก็ตาม เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ย่อมจะมีความรู้ความเข้าใจถึงโทษภัยของโลภะ สามารถค่อยๆ อบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ สามารถรู้ลักษณะของโลภะ ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน และปัญญานี้เองเป็นธรรมที่จะดับโลภะได้อย่างเด็ดขาด การที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้นั้น ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม พิจารณาไตร่ตรองพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ อดทนที่จะฟัง ที่จะศึกษาต่อไปด้วยความไม่ท้อถอย ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอแนะนำให้คุณ apiwit ฟังธรรมควบคู่ไปกับการอ่านหนังสือของมูลนิธิฯ ด้วยนะคะ ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด อนุโมทนาครับ
เรียกชื่อได้ ยากที่จะรู้จักโลภะ สงสัยไปต่างๆ นานา แค่ฟังในสิ่งที่กำลังฟังยังยากแบบนี่ ก็อดทนฟังต่อๆ ไปอีก บางทีจะเข้าใจอดทนได้ แค่ขั้นฟังนะคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ