คงจะไม่ลืมว่าสภาพธรรมเกิดดับเร็วแค่ไหนสุดที่จะประมาณได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏเหมือนไม่ดับ แสดงว่าการเกิดสืบต่อนี้ ปกปิดการเกิดและดับไปของขณะก่อนๆ จนทำให้หลงจริงๆ ไม่รู้เลย อยู่ในโลกของชื่อ อยู่ในโลกของความคิด อยู่ในโลกของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ตามความเป็นจริงแล้ว อะไรแน่ที่มีจริงๆ เพียงสิ่งที่ถ้าจะเข้าใจถูกต้องคือเมื่อฟังแล้ว สติสัมปชัญญะกำลังรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏเท่านั้น อย่างอื่นไม่มีความหมายเลย หมดแล้วไม่เหลือเลย แต่ก็มีลักษณะที่ปัญญาสามารถที่จะอบรม จนกระทั่งเข้าใจถูก เห็นถูกว่า แม้กระนั้นก็เป็นธรรมะซึ่งเกิดและดับไป
เพราะฉะนั้น คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าลึกซึ้งในสิ่งที่มี และไม่รู้จนกว่าจะเข้าถึงความหมายของอนัตตา ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ใคร เป็นสภาพธรรมจริงๆ มีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วดับไป
ขออนุโมทนา
ความจริงคือสิ่งที่ทนต่อการพิสูจน์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สภาพธัมมะเกิดดับเร็วจนเห็นว่าไม่เกิดดับ มีสัตว์ บุคคลจริงๆ ไม่ต่างจากหลอดไฟที่กระพริบเร็วจนเห็นว่าไม่กระพริบ ไม่ต่างจากก้านธูปมีไฟติด เมื่อหมุนเร็ว ย่อมเห็นเป็นวงกลม ทั้งๆ ที่ ไฟก็มีจุดเดียว ไม่ต่างจากพัดลมที่หมุน เห็นเหมือนเป็นวงกลมทั้งหมด ทั้งๆ ที่มี ๓ ใบ แต่สภาพธัมมะที่เกิดดับเร็ว ก็ย่อมทำให้ผู้ไม่มีปัญญา หลงไปว่ามีคน สัตว์จริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นสภาพธัมมะแต่ละอย่าง เกิดขึ้นและดับไป จะรู้ได้ด้วยปัญญาครับ
สภาพธรรมเกิดดับเร็วยิ่งกว่ากระพริบตาหลับตาอีก พระพุทธเจ้าในอดีตตอนที่เป็นพญานก ท่านบินได้รวดเร็วมาก ท่านก็เคยทดลองความเร็วของท่าน โดยบินแข่งกับพระอาทิตย์ แต่ท่านแสดงธรรมให้พระราชาฟังว่า ความที่ท่านบินเร็วนี้ นามธรรมรูปธรรม และสังขารไวทุกขณะ ย่อมเสื่อมเร็วกว่านี้อีก
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ