ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๖
~ ชีวิตแบ่งออกเป็นปฏิสนธิกาลหรือปฏิสันธิกาล ตามภาษาบาลี คือ ในขณะปฏิสนธิ และเมื่อพ้นจากขณะปฏิสนธิ คือ เมื่อปฏิสนธิจิตดับแล้วตลอดไปจนถึงจุติ ชื่อว่า ปวัตติกาล เพราะฉะนั้น ในปวัตติกาลของแต่ละชีวิตก็ย่อมแล้วแต่ว่ากรรมใดจะให้ผลในขณะไหน โดยที่ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ว่า พรุ่งนี้ทุกคนกรรมใดจะให้ผล มีใครรู้ได้ไหม? น้ำจะท่วม ไฟจะไหม้ โจรผู้ร้าย สารพัดอย่าง โรคภัยที่จะเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลย แต่ให้ทราบว่าวิบากทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นก็ย่อมเกิดขึ้นได้เพราะแต่ละกรรม
~ การที่แต่ละบุคคลจะได้ชื่อว่า เป็นมนุษย์ หรือว่าเป็นเทวดา หรือว่าเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ตามแต่ ย่อมแล้วแต่ปฏิสนธิจิต เมื่อปฏิสนธิในโลกมนุษย์ ก็ชื่อว่า มนุษย์ และถ้าวิบากจิตทำกิจปฏิสนธิในสวรรค์ ก็เปลี่ยนเป็นเทพ หรือว่าเวลาที่สัตว์ดิรัจฉานเกิดขึ้น ที่ชื่อว่า สัตว์ดิรัจฉานก็เพราะปฏิสนธิจิตนั่นเอง ซึ่งเป็นวิบากคือ เป็นผลของกรรมที่ทำให้ปฏิสนธิในภูมินั้นๆ
~ ถ้ากำลังมีความทุกข์อยู่อย่างหนึ่งอย่างใด ให้ทราบว่า ถ้าไม่เกิด ทุกข์นั้นไม่มี ไม่ว่าจะเป็นทุกข์กาย หรือทุกข์ใจ เวลาที่ทุกข์กายยังไม่เกิด ก็ไม่เห็นว่าเป็นทุกข์ แต่เวลาที่ทุกข์กายเกิดขึ้นแล้ว จะปวดหัว ตัวร้อน หรือว่าอะไรก็ตามแต่ ให้ทราบว่าถ้าไม่เกิด คือไม่มีชาติ คือความเกิด ปวดหัว ตัวร้อน ก็มีไม่ได้ ทุกข์ซึ่งเกิดเพราะชาติ ความเกิด ก็ย่อมมีไม่ได้ แต่ที่ทุกข์ทั้งหลาย มี ก็เพราะมีการเกิด
~ อกุศล ชิน และชำนาญมาก ชำนาญจนนั่งด้วยอกุศล นอนด้วยอกุศล ยืนด้วยอกุศล เดินด้วยอกุศล คิดด้วยอกุศล พูดด้วยอกุศล เพียงแต่ว่าจะเป็นอกุศลประเภทใด จะถึงขั้นเป็นกรรมบถหรือไม่เป็นกรรมบถ
~ ถ้าเห็นดอกไม้สวยๆ แล้วชอบ จะทำให้เกิดวิบากอะไร ถ้าชอบรสหวาน แล้วก็เอาน้ำตาลใส่ในอาหาร แล้วก็รับประทาน จะทำให้เกิดวิบากอะไร? อกุศลจิตธรรมดาไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดอกุศลวิบาก แต่อกุศลกรรม คือ เจตนา ที่เป็นอกุศลในอกุศลกรรมบถ ๑๐ จะทำให้วิบากกรรมเกิดขึ้น ถ้าเพียงแต่พอใจเฉยๆ ไม่ได้ทำกรรมหนึ่งกรรมใดในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ไม่ทำให้เกิดวิบาก แต่สะสมเป็นอุปนิสสยปัจจัย ทำให้มีอัธยาศัยต่างๆ กัน
~ วิบาก เป็นในขณะที่กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย นั่นเป็นขณะที่เป็นวิบาก ส่วนความพอใจ ไม่พอใจ นั่นไม่ใช่เรื่องของวิบาก
~ ใครเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยก็ตามแต่ ให้ทราบว่าเมื่อกรรมนั้นให้ผลทำให้เกิดในอบายภูมิ
~ เจตนาฆ่า ไม่ควรจะมีเลย ไม่ว่าผู้ที่จะถูกฆ่าจะเป็นใคร เมื่อเป็นสัตว์ที่มีชีวิต ก็ไม่ควรที่จะมีเจตนาฆ่า
~ ถ้าเป็นผู้ที่เลินเล่อ ประมาทอยู่เสมอ ไม่คิดถึงคนอื่นเลย ขณะนั้นก็ย่อมจะสะสมอกุศลจิตเป็นอุปนิสสยปัจจัยทำให้เป็นผู้ที่เลินเล่อประมาท และไม่คำนึงถึงความทุกข์ของคนอื่น แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีกุศลจิต ย่อมเป็นผู้ที่คำนึงถึงความทุกข์ของคนอื่น และเป็นผู้ที่รอบคอบ ไม่ประมาท ไม่ทำให้ผู้อื่นเกิดทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นในการโยนของ หรือว่าในการเดินก็ตาม ก็จะระมัดระวังไม่เหยียบสัตว์ต่างๆ
~ การที่จะอบรมเจริญปัญญาที่สามารถจะรู้ลักษณะของสภาพธรรมทั้งหมดตามความเป็นจริง ทำให้ละคลายการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล
~ เพียงศีล ๕ ที่จะเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่ดี พอที่จะรักษาศีล ๕ ได้สมบูรณ์ ก็เป็นสิ่งแสนยาก
~ ถ้าตัวของท่านเองเป็นผู้ที่สนใจศึกษาและประพฤติปฏิบัติธรรม ฟังธรรม ก็จะเป็นโอกาสให้คนอื่นที่อยู่ใกล้ชิดได้มีโอกาสค่อยๆ รับฟังไป และค่อยๆ สนใจขึ้นได้
~ ถ้าคิดว่า เดี๋ยวไปนรก ไม่นานเลย เดี๋ยวไป กลัวไหม? แต่ถ้าเข้าใจถูกต้องก็ทำให้สามารถรู้ความจริงว่า ไม่มีเราไป แต่ธรรมะที่จะไปสู่นรก คือ อกุศลธรรม
~ ธรรมทั้งหมดสำหรับแต่ละท่านเองที่จะพิจารณาตัวเองจริงๆ แม้ในเรื่องของอหิริกะ (ความไม่ละอายต่ออกุศล) และอโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่ออกุศล) ด้วย ขณะนี้มีไหม ข้อสำคัญที่สุด ขณะที่เป็นกุศล ไม่มี แต่ขณะใดที่เป็นอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ก็มี อย่าประมาทต่ออหิริกะและอโนตตัปปะ เพราะเหตุว่าถ้ามีแล้ว ไม่เห็นว่าเป็นอกุศล อหิริกะและอโนตตัปปะก็จะเพิ่มกำลังขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมได้
~ โมหะซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มืดบอด ไม่รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ อหิริกะก็เป็นสภาพธรรมที่ไม่ละอาย ไม่รังเกียจอกุศลธรรม อโนตตัปปะก็เป็นสภาพธรรมที่ไม่หวั่นเกรง ไม่พรั่นพรึงต่ออกุศลธรรม แต่สำหรับอุทธัจจเจตสิกนั้น เป็นสภาพธรรมที่มีลักษณะไม่สงบ
~ ที่เคยพอใจป่าเขาลำเนาไม้ หรือที่เงียบๆ ขณะนั้นเมื่อเป็นอกุศลจิตแล้ว ไม่สงบ เพราะเหตุว่ายังมีความติดข้องในอารมณ์ที่ปรากฏ จะชื่อว่า สงบ ไม่ได้ ไม่ใช่การสละ
~ ข้อความในพระไตรปิฎกทั้งหมดเกื้อกูลต่อการที่จะให้กุศลจิตเกิด แม้แต่ข้อความที่ว่า พาลธรรมเป็นไฉน คือ อหิริกะ อโนตตัปปะ ซึ่งทำให้ทุกท่านที่เคยมองคนอื่นว่าเป็นพาล ได้รู้สึกตัวว่า แท้จริงตัวท่านเอง ในขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นเป็นพาลแล้ว ไม่ต้องคำนึงถึงบุคคลอื่นเลยว่า จะเป็นคนพาลระดับไหน นั่นก็แล้วแต่ว่าอกุศลธรรมระดับไหนจะเกิด เป็นเรื่องของบุคคลอื่น แต่สำหรับเรื่องของตัวท่านเอง เป็นบัณฑิตหรือว่าเป็นพาลในขณะไหน ขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นเป็นพาล ขณะใดที่เป็นกุศล ขณะนั้นจึงเป็นบัณฑิต
~ การเห็นกันครั้งหนึ่งๆ ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ว่า จะเป็นการเห็นกันครั้งสุดท้ายหรือไม่เพราะถ้าคิดว่า อาจเป็นการเห็นกันครั้งสุดท้าย ก็อาจจะทำให้จิตใจอ่อนโยน แล้วมีความเมตตากรุณาต่อกัน
~ ถ้าทราบว่ายังเป็นผู้มี โมหะ มาก ที่จะต้องขัดเกลา ก็จะทำให้ไม่ละเลยการฟังพระธรรม และไม่ละเลยการเจริญกุศลทุกประการด้วย
~ ความประมาทย่อมพลิกชีวิต จากความเจริญไปสู่ความเสื่อมได้ จากการเป็นมนุษย์ในชาตินี้ จะไปสู่การเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก อาจจะเป็นพรุ่งนี้ หรือเย็นนี้ ก็ย่อมได้ทั้งนั้น ถ้ารู้อย่างนี้ ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ประมาท
~ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงสรรเสริญอกุศลใดๆ ทั้งสิ้น
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๕
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
--- เพราะฉะนั้น ฟังพระธรรมไปเรื่อยๆ ที่มีโอกาส ค่ะ เพราะ อยู่ในสังสารวัฏฏ์มานับชาติไม่ถ้วนแล้ว และ ก็จะไม่มีทางออกจากสังสารวัฏฏ์เลย เดี๋ยวก็ไปแล้ว และ จะไม่มีวันกลับมาเป็นบุคคลนี้อีกเลย ควรที่จะสะสมอะไร นอกจากความดี และ ปัญญา ค่ะ
--- ใครคิดว่าทำได้บ้าง คะ ทำดี เพราะฉะนั้น ยังทำไม่ได้ทั้งหมดนะคะ แต่ เริ่มที่คิดที่จะทำดี ก็เป็นกุศล ถ้าไม่แม้จะคิด กุศลจะเจริญได้อย่างไร
--- ไม่โกรธคงไม่ได้นะคะ เพราะสะสมความโกรธมา ก็เกิดความโกรธ แต่สำคัญที่สุด คือ เข้าใจธรรม คือ เข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา
--- เพราะบุญที่ได้กระทำมาแล้วตั้งแต่ชาติปางก่อน จึงทำให้มีศรัทธาเห็นประโยชน์ ที่จะฟังที่จะศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งๆ ขึ้นไป
--- ใครฟังธรรมวันนี้แล้ว ประจักษ์แจ้งในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมเลย จะเป็นไปได้อย่างไร แต่ก็เป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ต่อไป
--- สิ่งที่เคยมีในชาตินี้ ไม่สามารถติดตามไปในชาติหน้าได้เลย
--- อยากที่จะประจักษ์แจ้งความจริงของธรรม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะ อยากเป็น อกุศล ไม่ทำให้ประจักษ์แจ้งความเป็นจริงของธรรมได้เลย
--- โอกาสที่มีค่าที่สุด ย่อมไม่พ้นไปจากโอกาสที่ได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง
--- ตลอดทั้งพระไตรปิฎก ไม่พ้นไปจากเรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
--- จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ที่จิตหลากหลาย ส่วนหนึ่งเพราะเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย
--- ถ้ามีความเป็นมิตร เป็นเพื่อนทีดีต่อกัน ก็ย่อมจะให้ในสิ่งที่ดีที่สุด คือ ให้ความจริง ไม่ใช่ให้คำเท็จ
--- ขวนขวายกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นกุศลศีล เป็นความประพฤติที่ดีงาม
--- แม้จะหนาแน่นไปด้วยอกุศล แต่ก็ยังดีที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเป็นกัลยาณปุถุชน จนกว่าจะข้ามพ้นความเป็นปุถุชนสู่ความเป็นอริยบุคคล
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย อ.ผเดิม ยี่สมบุญ
และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง กรรมก็มีเป็นสิ่งที่มีจริง กลัวผลของกรรม งดเว้น การกระทำที่ไม่ดี ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เคารพพระธรรมๆ หมายถึง กุศลธรรม
สาธุขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ควรสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปแต่ละภพชาติ สาธุ สาธุ สาธุ
ขออนุโมทนาครับ