๑. ความตระหนี่เป็นกุศลได้ไหม
๒. ความสละเป็นอกุศลได้ไหม
๓. ทำไมถึงเกิดความตระหนี่ เป็นเพราะพอใจที่จะตระหนี่หรือไม่ ถ้าจิตเป็นอกุศล ทำไมจึงมีจิตคิดจะสละสิ่งต่างๆ ให้ผู้อื่นได้
๑. ความตระหนี่เป็นอกุศลอย่างเดียว
๒. ความสละ (จาคะ) เป็นกุศล
๓. เพราะสะสมมา เพราะยังดับความตระหนี่ไม่ได้ เพราะอารมณ์ที่น่ารักขณะที่จิตเป็นอกุศลมีความติดข้องและตระหนี่ ไม่มีการสละ แต่มีการให้เพื่อคนที่ตนรัก ได้ข้อความบางตอนจากสักกปัญหสูตร แสดงเรื่องความตระหนี่มีอารมณ์อันเป็นที่รัก เป็นเหตุเกิด
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
ความตระหนี่มีอารมณ์อันเป็นที่รัก เป็นเหตุเกิด [สักกปัญหสูตร]
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อ ๑. ขณะที่คิดไม่ให้เพราะเสียดายสมบัติของตนเป็นกุศลได้ไหม (ตระหนี่ลาภ) ขณะที่คิดไม่อยากให้คนอื่นมาสนิทกับเพื่อนเราเป็นกุศลได้ไหม (ตระหนี่ตระกูล) ขณะที่คิดไม่อยากให้คนอื่นมานอนเป็นที่นอนตัวเองเป็นกุศลได้ไหม (ตระหนี่ที่อยู่) ขณะที่คิดไม่อยากให้ความรู้ธัมมะคนอื่นเต็มที่เพราะกลัวคนอื่นรู้มากกว่าตัวเองเป็นกุศลได้ไหม (ตระหนี่ธัมมะ) ขณะที่คิดไม่อยากชมคนนั้นเท่าไหร่เพราะเราไม่ชอบเขาเป็นกุศลได้ไหม (ตระหนี่ วรรณ คำสรรเสริญ)
ข้อ ๒. ความสละ เป็นกุศลมีหลายระดับ สละกิเลสเป็นจาคะเพียงชั่วขณะจิตการสละกิเลส ทั้งปวงเป็นจาคะอันประเสริฐสูงสุด
ข้อ ๓. รักสิ่งใดก็ตระหนี่สิ่งนั้น หวงแหนสิ่งนั้น ไม่รักสิ่งใดก็ไม่ตระหนี่สิ่งนั้น และที่ยังให้ได้ แม้จะมีอกุศลเพราะเราไม่ได้สะสมฝ่ายอกุศลอย่างเดียว ฝ่ายกุศลก็มี เช่นกัน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
๑. การที่คนตระหนี่ให้สิ่งของที่ตนไม่ต้องการแล้วแก่ผู้อื่น ถือว่าเป็นการสละ ละความตระหนี่หรือไม่
๒. การที่คนตระหนี่ให้สิ่งของที่ดีแก่คนที่ตนชอบ/มีผลประโยชน์ร่วมด้วย ถือว่าเป็นการสละ ละความตระหนี่หรือไม่
การให้ทานมี ๓ อย่าง
๑. ทาสทาน ให้ของที่เลวกว่าที่ตนใช้
๒. สหายทาน ให้ของที่เสมอกับที่ตนใช้เอง
๓. สามีทาน ให้ของที่ยิ่งกว่าที่ตนใช้
ทาน หมายถึง การให้สิ่งของที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช้ แต่อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้รับ ถึงอย่างไรการให้ก็ดีกว่าการไม่ให้ค่ะ ก็แล้วแต่อุปนิสัยของแต่ละคน สะสมการให้มาไม่เหมือนกันค่ะ
ขอบคุณครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ