สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๐
ณ. สติปัญญาอะไรต่างๆ นี้ แท้ที่จริง เมื่อเราบรรลุถึงระดับที่เป็นนิพพานแล้ว
อาจารย์ ไม่มีเราบรรลุเลยค่ะ
ณ. เมื่อถึงขั้น
อาจารย์ ปัญญาเจริญขึ้น ละคลายความเป็นตัวตน ความไม่รู้ ความสงสัยในสัจธรรม ประจักษ์แจ้งการเกิดดับ ละคลายความติดข้องในสังขารทั้งปวง ในสังขารนิมิตที่ปรากฏ
ณ. สุดท้ายสติก็เป็นเพียงแค่แพ เพื่อข้ามฝั่งเท่านั้น
อาจารย์ ก็คือสัจธรรม ขณะนี้ขั้นฟัง ก็เป็นสติขั้นหนึ่ง ไม่ปรากฏ เหมือนเห็นนี่แหละ มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ประเภท แต่ไม่ได้ปรากฏสักประเภทเดียว แต่เวลาที่สติสัมปชัญญะเกิด เลือกไม่ได้ แล้วแต่ว่าขณะนั้น สติระลึกรู้ลักษณะของสัจธรรมใด สัจธรรมนั้นปรากฏกับสติที่กำลังระลึก แล้วปัญญาจึงจะเห็นถูกว่า ขณะนั้นเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น เป็นธรรม เป็นธาตุชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง
สาธุการครับ
ดีแล้ว
ประเสริฐแล้ว
ใช่แล้ว
สาธุการอีกครั้งครับ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ที่คอยแนะนำให้ฟังพระธรรมให้เข้าใจถึงอรรถของสภาพธรรมะให้รู้ลักษณะสภาพธรรมในขณะนี้ให้มั่นคงจนกว่าปัญญาจะเจริญขึ้นเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่าไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน ตราบใดที่ยังเป็นเรา ก็ไม่มีเราบรรลุแน่นอนค่ะ
ต้องมั่นคงจริงๆ ว่าไม่มีเราในสังสารวัฏฏ์นี้ครับ
ขออนุโมทนา
ภิกษุที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว หมดสิ้นสังโยชน์ในภพแล้ว ภิกษุนั้นย่อมไม่มีความคิดอย่างนี้ว่า คนที่ดีกว่าเราไม่มี คนที่เสมอเราไม่มี หรือคนที่เลวกว่าเราไม่มี
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ