ทาน ศีล ผมเข้าใจครับ แต่ ภาวนา มีวิธีปฏิบัติอย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในชีวิตประจำวัน กุศลจิตกับอกุศจิตก็เกิดดับสลับกัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นปุถุชนแล้วอกุศลจิตย่อมเกิดมากกว่า จะเห็นได้ว่ากุศลจิตเกิดน้อยมาก ในเรื่องของกุศลไม่ได้จำกัดเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะเหตุว่าสภาพจิตที่ดีงามนั้น ย่อมเป็นไปในทาน การสละวัตถุ เพื่อประโยชน์สุข แก่บุคคลอื่นเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าไม่มีวัตถุที่จะให้ ก็ไม่ต้องเดือดร้อน ให้เมื่อตนเองพร้อม เพราะว่าทานไม่ได้มีเฉพาะวัตถุทานเท่านั้น ยังมีอภัยทาน คือไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธผู้อื่น ให้อภัยในความผิดที่ผู้อื่นได้กระทำก็เป็นทานเหมือนกัน
เป็นไปในศีล ความประพฤติทางกาย ทางวาจาที่ดีงาม งดเว้นทุจริตประการต่างๆ และ ประพฤติสุจริตประการต่างๆ ซึ่งเป็นไปทางกาย และ ทางวาจา ผู้ที่จะมีศีลที่บริสุทธิบริบูรณ์โดยที่ไม่มีการก้าวล่วงอีกเลยต้องเป็นพระโสดาบันในฐานะที่เป็นปุถุชน ย่อมมีการล่วงศีลบ้าง เป็นบางครั้งบางคราว แต่ก็สามารถที่จะเริ่มต้นขัดเกลาตัวเองใหม่ได้ ด้วยความตั้งใจจริงที่จะไม่ล่วงอีก
เป็นไปในภาวนา คือการอบรมเจริญปัญญา สั่งสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่าทุกอย่างเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง คำว่า ภาวนา หมายถึง การอบรมเจริญ การยังกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ภาวนา จึง ไม่ใช่เป็นการไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ไม่ใช่การท่องบ่น ไม่ใช่เป็นการต้องการที่จะกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยความไม่รู้ ด้วยความไม่เข้าใจ แต่เป็นการอบรมเจริญกุศลธรรมและปัญญาให้มีขึ้น ให้เจริญยิ่งขึ้น
ในทางพระพุทธศาสนา แสดงถึงภาวนา ๒ ที่เป็นสมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา สมถภาวนา เป็นการอบรมความสงบของจิตจนบรรลุฌานขั้นต่างๆ เมื่อฌานไม่เสื่อม ตายไปเกิดที่พรหมโลก วิปัสสนาภาวนาเป็นการอบรมปัญญา เมื่อปัญญาเจริญยิ่งขึ้น ย่อมรู้ความจริง คือ รู้แจ้งอริยสัจจธรรมทั้ง ๔ ละกิเลสได้ตามลำดับมรรค สูงสุดคือ บรรลุความเป็นพระอรหันต์ ดับภพชาติไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ครับ
ขอเชิญคลิกศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ทาน ศีล ภาวนา และ ศีล สมาธิ ปัญญา
บุญญกริยาวัตถุ คือ ทาน ศีล ภาวนา
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณครับ กระจ่างเลยครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ