การศึกษาธรรมะมีประโยชน์อะไร ถ้าจะรอให้มีเวลาว่างๆ ค่อยศึกษา จะช้าไปไหมคับ
รู้อะไรครับ ช่วยบอกหน่อย ศึกษาแล้วมีประโยชน์อะไร
กำลังยุ่งเรื่องงานครับ เลยไม่ค่อยมีเวลาทำอย่างอื่นมากนัก คงต้องใช้เวลามากจึงจะศึกษาได้
ถ้าเราสนใจอะไร จะให้เวลากับสิ่งนั้น ที่บอกว่าไม่มีเวลา ไม่ว่าง ก็แสดงว่าเรายังสนใจไม่มากนัก การศึกษาธรรมะ มีประโยชน์ต่อตัวเอง และผู้อื่นด้วย ทำให้เรามีปัญญา ตั้งแต่เชื่อเรื่องกรรม และผลของกรรม เชื่อชาติหน้ามี และทำให้ไม่ประมาทในการทำกุศล โดยเฉพาะการอบรมปัญญา การศึกษาธรรม จุดประสงค์ที่แท้จริงเพื่อขัดเกลากิเลสคือ ความไม่ดีทั้งหลาย เพื่อละมานะ เพื่อละความไม่รู้ และละความเป็นอัตตา ตัวตน เพราะเรายิ่งเป็นคนดีแลมีปัญญาเท่าไหร่ คนที่อยู่ด้วยก็มีความสุข ช่วยคนอื่นที่มีความทุกข์ได้ ด้วยความเข้าใจธรรมของเรา
การศึกษาพระธรรม ที่แสดงโดย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการศึกษาที่มีประโยชน์มากๆ เบื้องต้นทำให้ผู้ศึกษา เข้าใจความจริงหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยรู้ สิ่งที่เป็นประโยชน์และควรรู้ พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ตลอด ๔๕ พรรษา มีอยู่ในพระไตรปิฎก เช่น หลักการใช้ชีวิตที่ดี ประโยชน์โลกนี้ ประโยชน์โลกหน้า ประโยชน์สูงสุด บัญญัติ ปรมัตถ์ อริยสัจจ์เป็นต้น ควรเริ่มต้นศึกษาทันที ไม่ควรรอให้มีเวลาว่าง เพราะชีวิตเป็นของน้อย ไม่ควรประมาท เราอาจตายเย็นนี้ พรุ่งนี้ก็ได้ ขอแนะนำว่า ควรเริ่มขณะนี้เลยครับ เมื่อเริ่มรู้ เริ่มเข้าใจจะเห็นว่า มีประโยชน์มากจริงๆ
ทำไมเราต้องศึกษาธรรม เพื่อจะได้รู้ว่า เราเกิดมาทำไม ทำไมแต่ละคน จึงมีความแตกต่างกัน ทั้งรูปลักษณ์และฐานะ อะไรคือผู้จัดสรร ถ้าพระเจ้าสร้างเราทุกคน ทำไมจึงสร้างความแตกต่างให้มนุษย์ ต้องทะเลาะกันทำสงครามกัน ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมพระเจ้าทนดูมนุษย์ ซึ่งเปรียบเหมือนบุตรของพระองค์ฆ่ากันเอง ทำไมต้องสร้าง ภัยพิบัติถ้าพระเจ้ามีอานุภาพมาก ทำไมไม่ทำให้ทุกคนมีจิตใจดีงาม
เพื่อจะได้รู้ว่า เราเกิดมาแล้วควรต้องทำอะไรบ้าง นอกจากทำมาหากิน มีครอบครัว แล้วก็รอความตายเท่านั้นหรือ เพื่อจะได้รู้ว่า สิ่งใดที่ไม่ควรทำ เพราะการกระทำบางอย่าง เมื่อผิดพลาดแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เช่นถ้าเราไม่ศึกษาธรรม เราจะไม่รู้จัก อนันตริยกรรม คือ การฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์ กระทำให้พระผู้มีพระภาคเจ้าห้อพระโลหิต และการทำสังฆเภท (ยุสงฆ์ให้แตกสามัคคี) หากใครกระทำกรรมดังกล่าว จะต้องได้รับอกุศลวิบากที่ร้ายแรงที่สุด และไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าสิ้นชีวิตต้องตกนรกแน่นอน อีกทั้งปิดกั้นสวรรค์และมรรคผลนิพพาน
วัตถุประสงค์หลัก ของการศึกษาธรรม ก็เพื่อขจัดทุกข์ บำบัดทุกข์ หรือป้องกันการกระทำ ที่จะนำมาซึ่งความทุกข์ ทั้งทางกายและทางใจ เมื่อศึกษาธรรมและปฏิบัติอย่างถูกต้อง จะทราบวิธีแสวงหาความสุขที่แท้จริง และยั่งยืน เพราะฉะนั้น การไม่รู้ธรรม ก็จะไม่รู้ว่าสิ่งใดควรทำหรือสิ่งใดไม่ควรทำ ในขณะที่อายุก็ลดลงไปทุกขณะ บางคนทำกรรมชั่วมาเกือบตลอดชีวิต มาคิดได้ตอนแก่ ก็เหลือเวลาเพียงน้อยนิดที่จะทำความดี เพื่อชดเชยกับกรรมชั่ว บางคนก็ตายก่อนที่จะคิดได้ด้วยซ้ำ ดังนั้น ธรรมยิ่งรู้ช้ายิ่งขาดทุน อุตส่าห์สร้างบารมีมา จนได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา
สำหรับการศึกษาธรรม มีประโยชน์ตั้งแต่การใช้ชีวิตปกติ ในชีวิตประจำวัน จนกระทั่ง ละความไม่รู้ในความจริงของชีวิต ขัดเกลาอกุศล เจริญอบรมปัญญา เพื่อรู้ความจริงของชีวิต ซึ่งเป็นของจริงสามารถพิสูจน์ได้ สามารถละอวิชชา ตามลำดับขั้น เพื่อที่จะรู้ว่า นามธรรมกับรูปธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น สติ ปัญญา จำปรารถนาในที่ทั้งปวง ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ควรเริ่มตั้งแต่เริ่ม ได้ยินได้ฟังพระธรรม ด้วยการพิจารณาโดยแยบคาย ด้วยเหตุและผล
ช้าแน่ค่ะ! เพราะว่าอะไรรู้มั้ยคะ เพราะว่าเราไม่รู้ว่า เราจะตายวันไหน? เวลาไหน? ความตาย ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า! และถ้าหากบุญเรามีน้อย เกิดปุบปับตายไป สิ่งที่เราจะสะสมไปในชาติใหม่ ก็คืออะไรคุณรู้มั้ยคะ? ความไม่รู้ ไม่เข้าใจในความจริงของชีวิต นั่นไง แล้วคุณจะเอาเหรอ?
แล้วที่ว่าว่างนั้นจริงๆ แล้ว มันไม่มีวันว่างหรอก มันจะมีข้อแก้ตัว ผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ก็เพราะเจ้าตัวความอยากมี อยากเป็น อยากได้สารพัดที่จะอยาก มันอยากไปหมด (เจ้าโลภะตัวดีนี่แหละค่ะคุณ) เค้าไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ หรอกค่ะ เชื่อเถอะ เป็นเพื่อนสนิททั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งยามหลับและยามตื่น
การศึกษาธรรมะมีประโยชน์อะไร ถ้าจะรอให้มีเวลาว่างๆ ค่อยศึกษา จะช้าไปไหมครับ?
ไม่มีใครบังคับใครได้เลย สภาพธัมมะ เกิดตามเหตุปัจจัย เมื่อยังเข้าใจธัมมะน้อย ความที่จะเห็นประโยชน ก็น้อยตาม เมื่อยังไม่ได้ฟังธัมมะ จะให้เห็นประโยชน์ก็ไม่ได้ จะบอกให้ศึกษาตอนนี้ บังคับได้ไหม บอกให้อย่าศึกษา แต่เข้าใจธัมมะแล้วเลยเห็นประโยชน์ จะบังคับให้ไม่ให้ศึกษาได้ไหม ก็ไม่ได้อีก เข้าใจความเป็นอนัตตา ตั้งแต่ต้น ก็จะไม่เดือดร้อนและเข้าใจความจริงของโลก และแต่ละบุคคลที่สะสมมาต่างกันจริงๆ
เมื่อรู้ว่า เหตุปัจจัยของการเห็นประโยชน์ของพระธรรม คือปัญญาเพิ่มขึ้น ก็อบรมเหตุที่จะให้ปัญญาเจริญ ด้วยการฟังพระธรรม แต่เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม เหมือนกับตอนนี้ที่เหตุปัจจัยพร้อม ที่คุณได้มาถามคำถามนี้ ก่อนหน้านี้ ทำไมไม่ถามหละ ก็ทุกอย่างก็เกิดจากเหตุปัจจัยนั่นเอง รวมทั้งการเห็นประโยชน์ของพระธรรมด้วย ก็ต้องมีเหตุปัจจัย นั่นคือปัญญานั่นเองครับอนุโมทนา
ศึกษาธรรมมีประโยชน์จริงๆ ค่ะ
จากที่ไม่เคยรู้ความจริง ก็ได้รู้ เช่น ทุกสิ่งเป็นเพียง รูป-นาม ที่เกิดดับรวดเร็วมาก ไม่มีตัวตน สัตว์ บุคคลเลย สภาพธรรมบังคับบัญชาไม่ได้ ทุกสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมะ เช่น การเห็น การได้ยิน การกระทบสัมผัส การได้กลิ่น การลิ้มรส ในขณะที่ฟังเพลงก็คิดได้ว่า เป็นเพียงเสียงและการได้ยิน และเกิดอกุศลจิตต่อเนื่องตลอดเวลา พอใจในอารมณ์เป็นโลภะ ไม่พอใจในอารมณ์เป็นโทสะ ไม่รู้ตามความจริงเป็นโมหะ ฯลฯ
จากที่เคยรู้ผิดๆ ก็ได้เริ่มทำความเข้าใจให้ถูก เช่น นั่งสมาธิไม่ได้ทำให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ไม่ใช่สติปัฏฐาน การทำจิตว่าง จิตนิ่ง ตามที่นิยมกัน อาจเป็นอกุศลจิตก็ได้ และจิตว่างหรือนิ่งไม่ได้ เพราะจิตเป็นสภาพรู้อารมณ์ เกิดดับพร้อมเจตสิก (อารมณ์) เสมอ เราทุกคนล้วนวิปลาส เพราะยังมีความเป็นเรา ฯลฯ
จากที่ไม่เคยนึก ก็ทำให้ได้นึกว่า เวลาเราดูทีวี ขณะที่เห็น กับขณะที่ได้ยิน ไม่ใช่ขณะเดียวกัน จิตเกิดดับรวดเร็วมาก จนคิดไปว่าการเห็น พร้อมการได้ยินเป็นขณะเดียวกัน ขณะกำลังเครียด ก็รู้ว่านี่ก็เป็นอกุศลจิตอย่างหนึ่ง (โทสมูลจิต) และจะสะสมจนกลายเป็นอกุศลกรรม ในอนาคตได้ สามารถระวังจิตใจตนเองได้ ในระดับหนึ่ง
จากที่เคยคิดว่า ไม่ใช่เรื่องต้องระวัง ก็กลับมาระวังมากขึ้น เพราะไม่ควรประมาท เช่น มีคนบอกว่า ไปนั่งสมาธิดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ แต่ถ้านั่งสมาธิแล้ว สะสมโลภะ ก็จะยืด สังสารวัฏฏ์ออกไปอีก และสะสมความเห็นผิด เพิ่มขึ้น เพราะไม่เข้าใจข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง และไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่นั้น เป็นอกุศลจิต ถ้าไม่ศึกษาธรรม จะไม่รู้เลยว่า ที่ทำอยู่นั้น เป็นอกุศลจิต จะหลงว่า เป็นกุศลจิตอยู่เสมอ และยากจะถอนมิจฉาทิฏฐิด้วย เพราะติดใจในความสบายนั้น โดยไม่รู้ว่า เป็นโลภะ ต่างลงทุนลงแรงเพื่ออานิสงส์ และอยากได้ผลลัพธ์ไวๆ ก็เป็นโลภะ และไม่รู้ว่า ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต ก็เป็นโมหะ ถ้าเกิดความกลัวหรือเครียด หรืออึดอัด เวลานั่งทำสิ่งนั้น ก็เป็นโทสะแล้ว ถ้าไม่ศึกษาจะไม่รู้เลย และจะหลงไปเรื่อยๆ เพราะจะสะสมความเห็นผิดเพิ่มเรื่อยๆ ยากจะถอนทิฏฐิ มานะ ต่างๆ
จากที่คิดว่า ต้องมีท่าทางและแบบแผน ในการปฏิบัติธรรม ก็มาศึกษาจึงได้รู้ว่า ธรรมะบังคับบัญชาไม่ได้ ธรรมะปฏิบัติหน้าที่ของธรรมะอยู่แล้วตามเหตุปัจจัย ที่จะทำให้ปัญญาเกิด ได้แก่ การฟังธรรม ศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจ และการเพียรทำในใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) การปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องของปัญญาซึ่งเป็นนามธรรม จะทำท่าทำทาง เพื่อบังคับให้เกิดปัญญาไม่ได้ ฯลฯ
ดิฉันไม่สามารถสาธยายได้หมด ฯลฯ ต้องศึกษาทั้งชีวิตค่ะ เพราะโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ที่มีอวัยวะฟังและอ่านได้ และพบพระธรรมจริงๆ จึงช้าไม่ได้ ต้องเพียรศึกษา เพื่อทำในใจโดยแยบคาย ดุจดั่งไฟกำลังไหม้บนศีรษะน่ะค่ะ เมื่อท่านมีลาภอันประเสริฐ แต่มองข้าม ไปทำในกิจที่เป็นทุกข์อันยืดเยื้อ ท่านจะเลือกสิ่งใดก่อนคะ
" การเข้าใจในพระธรรม เป็นสาระที่สำคัญที่สุดในชีวิต "
ยินดีในกุศลจิตค่ะ